พระเถรี เมื่อแสดงวิธีพ้นทุกข์ด้วยวิธีคบกัลยาณมิตร จึงกล่าวคำว่า ทุกฺขญฺเจว วิชาเนยฺย เป็นอาทิ. บทว่า ภชิตพฺพา สปฺปุริสา ความว่า เพราะเหตุที่บุคคลแม้เป็นพาลก็เป็นบัณฑิตได้ สัตบุรุษทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น บุคคลก็พึงซ่องเสพด้วยการเข้าไปหาตามเวลาสมควรเป็นอาทิ. ญาณในอรรถ ธรรม นิรุตติ และปฏิภาณของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ ไร้มลทิน เพราะอานุภาพของพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด. ข้าพเจ้านั้น ฟังพระคาถานี้แล้ว ทำธรรมจักษุให้บริสุทธิ์แล้ว แต่นั้น ก็รู้แจ้งสัทธรรมออกบวชไม่มีเรือน. ครั้งนั้น พระเจ้ากาสีพระนามว่า กิกิ เป็นจอมนรชนในกรุงพาราณสีราชธานี ทรงเป็นอุปฐากพระพุทธเจ้าผู้ทรงแสวงคุณยิ่งใหญ่.
พระเถรีครั้นนำเอาเรื่องแม้ทั้งสองนี้มาเป็นอุทาหรณ์แล้ว บัดนี้ เมื่อจะชี้แจงทุกข์ที่ตนประสบจึงกล่าวว่า ขีณกุลิเน เป็นต้น. บรรดาบทเหล่านั้นบทว่า ขีณกุลิเน ได้แก่มีตระกูลต้องประสบความเสื่อมโภคะเป็นต้น. บทว่ากปเณ ได้แก่ผู้ถึงความตกต่ำอย่างยิ่ง ก็คำทั้งสองนี้ เป็นคำกล่าวปรึกษาตนเท่านั้น. กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์โปรดทรงประทานยาสำหรับ ลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด. พระศาสดาทรงเห็นอุปนิสัยของนาง จึงตรัสว่า ไปสิ เธอเข้าไปยังพระนคร เรือนหลังใดไม่เคยมีคนตาย จงนำเมล็ดผักกาดจากเรือนหลังนั้นมา.
:: ท่านเข้ามาลำดับที่ ::
ญาณในอรรถ ธรรม นิรุตติและปฏิภาณของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ ไร้มลทิน เพราะอานุภาพของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กลฺยาณมิตฺตตา ความว่า ชื่อว่ากัลยาณมิตร เพราะมีมิตรงาม เจริญ ดี ผู้สมบูรณ์ด้วยความมีศีลเป็นต้น. กำลังมีทุกข์ ถูกกำจัดประโยชน์เกื้อกูลอันใด บุคคลใดเป็นมิตรมีอุปการะช่วยเขาโดยอาการทุกอย่าง อย่างนั้น บุคคลนั้น ชื่อว่ากัลยาณมิตร. ความเป็นแห่งกัลยาณมิตรนั้น ชื่อว่ากัลยาณมิตตตา คือความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร มิตรดี. เหล่านั้นคือตกอยู่ในสันดานกิเลส ย่อมประสบความพินาศโดยอำนาจความเร่าร้อนแห่งกิเลสในปัจจุบันนี้ ย่อมประสบความพินาศโดยอำนาจความเศร้าหมองแห่งทุคติในอนาคต เขาว่า ยักษิณีนั้นรำลึกถึงทุกข์ที่ตนประสบในอัตภาพก่อน จึงกล่าวสองคาถานี้ ส่วนพระเถรีได้กล่าวย้ำเพื่อชี้แจงโทษ ในความเป็นหญิง. นางคิดว่า เมื่อก่อนเราถูกดูหมิ่น นับตั้งแต่ลูกชายเราเกิดก็ได้รับยกย่อง คนเหล่านี้พยายามจะทิ้งลูกชายเราไว้ข้างนอก จึงอุ้มร่างลูกชายที่ตายแล้วไป โดยความบ้าเพราะความเศร้าโศก ตระเวนไปในนคร ตามลำดับประตูเรือนโดยกล่าวขอร้องว่า ขอท่านโปรดให้ยาแก่ลูกชายของข้าด้วยเถิด.
พระศาสดา ข้าพเจ้าบำรุงแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ทำเสร็จแล้ว ภาระหนักข้าพเจ้าก็ปลงลงแล้ว ตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพข้าพเจ้าก็ถอนเสียแล้ว. ข้าพเจ้ารู้ปุพเพนิวาสญาณ ชำระทิพยจักษุ ทำอาสวะให้สิ้นไปหมด เป็นผู้บริสุทธิ์ไร้มลทิน. ข้าพเจ้าบวชอย่างนั้นแล้ว ก็พยายามอยู่ในคำสอนของพระชินเจ้า ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต. ด้วยกรรมที่ทำมาดีเหล่านั้นและด้วยการตั้งใจไว้ชอบ ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้วก็ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์.
ตำนาน พระพุทธชินราช
ภริยาและสามีแม้ทั้งสองซึ่งอยู่ท่ามกลางแห่งกิเลสเหล่านั้น คือตกอยู่ในสันดานกิเลส ย่อมประสบความพินาศโดยอำนาจความเร่าร้อนแห่งกิเลสในปัจจุบันนี้ ย่อมประสบความพินาศโดยอำนาจความเศร้าหมองแห่งทุคติในอนาคต. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุกฺโข อิตฺถิภาโว อกฺขาโต ความว่า ความเป็นหญิง พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงฝึกคนที่ควรฝึกตรัสว่าเป็นทุกข์ เพราะโทษทั้งหลายมีเป็นต้นอย่างนี้ว่า ความอ่อนแอ การตั้งท้อง ความเป็นอยู่ที่ต้องอาศัยคนอื่นทุกเวลา. บทว่า ปญฺญา ตถา ปวฑฺฒติ ภชนฺตานํ ประกอบความว่า สำหรับบุคคลผู้คบกัลยาณมิตร ปัญญาย่อมเจริญเพิ่มพูน บริบูรณ์ เหมือนอย่างบรรดาบุคคลเหล่านั้น บุคคลผู้ใดผู้หนึ่ง เมื่อคบสัตบุรุษ จะพึงพ้นจากทุกข์มีชาติเป็นต้นได้หมดฉะนั้น. คำว่า กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน เป็นต้น เป็นคำแสดงอานิสงส์ของความเป็นผู้มีมิตรดี. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปิ พาโล ปณฺฑิโตอสฺส ความว่า บุคคลผู้คบกัลยาณมิตร แม้เป็นพาลมาก่อน เพราะเว้นข้อที่สดับฟังเป็นต้น ก็พึงเป็นบัณฑิตได้บ้าง เพราะสดับฟังข้อที่ยังไม่ได้สดับฟังเป็นต้น. ข้าพเจ้า เห็นเจ้าอยู่ท่ามกลางป่าช้า แม้เนื้อบุตรก็ต้องเคี้ยวกิน ข้าพเจ้ามีตระกูลเสื่อมแล้ว สามีก็ตายแล้ว ถูกคนทั้งปวงติเตียนแล้ว ก็ได้บรรลุอมต-ธรรม.
บัดนี้ ก็คือ เขมา อุบลวรรณา ปฏาจารากุณฑลา [กุณฑลเกสา] ข้าพระองค์ ธรรมทินนาวิสาขา ที่ครบ ๗. ผู้เห็นอมตบท มีชีวิตอยู่วันเดียว ยังประเสริฐว่าผู้ไม่เห็นอมตบท มีชีวิตอยู่ถึง ๑๐๐ ปี. ใน เอกาทสนิบาต คาถาว่า กลฺยาณมิตฺตตา เป็นต้น เป็นคาถาของ พระกีสาโคตมีเถรี มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
- นางรับพระพุทธดำรัสว่า ดีละพระเจ้าข้า ดีใจก็เข้าพระนครไปในเรือนหลังแรก พูดว่า พระศาสดาโปรดให้ข้านำเมล็ดผักกาดไป เพื่อทำยาสำหรับลูกชายของข้า ถ้าในเรือนหลังนี้ไม่เคยมีใครๆ ตาย โปรดให้เมล็ดผักกาดแก่ข้าด้วยเถิด.
- บทว่า ภชิตพฺพา สปฺปุริสา ความว่า เพราะเหตุที่บุคคลแม้เป็นพาลก็เป็นบัณฑิตได้ สัตบุรุษทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น บุคคลก็พึงซ่องเสพด้วยการเข้าไปหาตามเวลาสมควรเป็นอาทิ.
- พระชินเจ้าผู้ทรงฉลาดในอุบาย บำบัดทุกข์ตรัสว่า เจ้าจงนำเมล็ดผักกาดจากเรือนที่ไม่มีคนตายมาสิ.
- กำลังมีทุกข์ ถูกกำจัดประโยชน์เกื้อกูลอันใด บุคคลใดเป็นมิตรมีอุปการะช่วยเขาโดยอาการทุกอย่าง อย่างนั้น บุคคลนั้น ชื่อว่ากัลยาณมิตร.
- บัดนี้ ก็คือ เขมา อุบลวรรณา ปฏาจารา กุณฑลา [กุณฑลเกสา] ข้าพระองค์ ธรรมทินนา วิสาขาที่ครบ ๗.
- ข้าพเจ้าฟังคุณของพระภิกษุณีแล้วเกิดปีติไม่ใช่น้อย ถวายสักการะแด่พระพุทธเจ้าตามกำลังสามารถ เคารพพระธีรมุนีพระองค์นั้น ปรารถนาตำแหน่งนั้น.
มฤตยู ย่อมพานรชน ผู้มัวเมาในบุตรและสัตว์เลี้ยง มีใจฟุ้งซ่านไป เหมือนกระแสน้ำหลากขนาดใหญ่ พัดพาชาวบ้านที่มัวหลับใหลไปฉะนั้น. บัดนี้ ก็คือ เขมา อุบลวรรณา ปฏาจารา กุณฑลา [กุณฑลเกสา] ข้าพระองค์ ธรรมทินนา วิสาขาที่ครบ ๗. ครั้งนั้น พระพุทธธีระยอดบุรุษ เมื่อทรงสถาปนา ทรงยกย่องภิกษุณีผู้ทรงจีวรปอนไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ. ในคำว่า ชนมารกมชฺฌคตา สัตว์เกิดในครรภ์ผู้หลง ท่านเรียกว่า ชนมารกะ คือทารกผู้ฆ่าชนคือมารดา. กิเลสทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็เผาเสียแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ทำเสร็จแล้ว. สองคาถาว่า อุปวิชญฺญา คฺจฉนฺตี เป็นต้น พระเถรีกล่าวปรารภประวัติของพระปฏาจาราเถรี.
ธรรมศาสตราจะมีได้ต่อเมื่อมีการปฏิบัติเท่านั้น
นางไปพระวิหาร เวลาพระศาสดาทรงแสดงธรรม ทูลถามว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดทรงประทานยาสำหรับลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด. ครั้งนั้น ชายบัณฑิตผู้หนึ่งคิดว่า หญิงคนนี้จิตฟุ้งซ่านเป็นบ้า เพราะโศกเศร้าถึงลูกชาย พระทศพลเท่านั้นคงจักทรงรู้จักยาสำหรับหญิงคนนี้ จึงกล่าวว่า แม่คุณไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วทูลถามถึงยาสำหรับลูกชายของแม่นางสิ. คราวใด ข้าพเจ้าคลอดบุตร คราวนั้นก็แสดงแก่คนทั้งปวง คราวใด บุตรนั้นยังอ่อนเจริญวัย ก็เป็นดังดวงใจ ประสบสุขเป็นที่รักของข้าพเจ้าดังชีวิตตนเอง คราวนั้น บุตรนั้นไปสู่อำนาจพระยายม [ตาย] ข้าพเจ้ามีดวงหน้าเศร้าหมองอัสสุชลคลอตา มีหน้าร่ำไห้ พาศพบุตรที่ตายเดินครวญคร่ำรำพัน. ข้าพเจ้าฟังคุณของพระภิกษุณีแล้วเกิดปีติไม่ใช่น้อย ถวายสักการะแด่พระพุทธเจ้าตามกำลังสามารถเคารพพระธีรมุนีพระองค์นั้น ปรารถนาตำแหน่งนั้น.
ข้าพเจ้าชำนาญในฤทธิ์ ในทิพโสตธาตุ รู้จิตผู้อื่น กระทำตามคำสอนของของพระศาสดา. ด้วยกรรมที่ทำมาดีเหล่านั้น และด้วยการตั้งใจไว้ชอบ ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้วก็ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์. ข้าพเจ้า ตัดความโศกศัลย์ได้แล้ว ปลงภาระแล้ว กระทำกรณียะเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าชื่อกิสาโคตมีเถรี ผู้มีจิตหลุดพ้นแล้ว กล่าวคำนี้ไว้. พระชินเจ้าผู้นำพิเศษในบริษัททั้งหลาย ทรงยินดีในคุณ คือการทรงจีวรปอนนั้น จึงทรงสถาปนาข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ.
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าฟังพระพุทธดำรัสนั้นแล้วก็ยินดี มีจิตมีเมตตา บำรุงพระชินพุทธเจ้าผู้เป็นนายกพิเศษด้วยปัจจัย ๔ ตลอดชีวิต. คำนั้นมีความว่า นางผู้หมุนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ซึ่งมีเงื่อนต้นเงื่อนปลายตามไปไม่รู้แล้วนี้ น้ำตาไหลนอง เพราะถูกความเศร้าโศกครอบงำมาหลายพันชาติ. บทว่า กปณิกายา แปลว่า ผู้ยากไร้ เขาว่าสองคาถานี้ พระเถรีกล่าวเพื่อชี้แจงโทษในความเป็นหญิง โดยกระทำตามอาการที่นางปฏาจาราผู้ประสบความบ้า เพราะความเศร้าโศกในครั้งนั้น กล่าวไว้.
ด้วยกรรมที่ทำดีเหล่านั้น และด้วยการตั้งใจไว้ชอบ ข้าพเจ้าละกายมนุษย์ ก็ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์. เพิ่มพูน บริบูรณ์ เหมือนอย่างบรรดาบุคคลเหล่านั้น บุคคลผู้ใดผู้หนึ่ง เมื่อคบสัตบุรุษ จะพึงพ้นจากทุกข์มีชาติเป็นต้นได้หมดฉะนั้น. เฉพาะโลก พระมุนีทรงสรรเสริญความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร คนเมื่อคบกัลยาณมิตร แม้เป็นพาลก็พึงเป็นบัณฑิตได้บ้าง. เฉพาะโลก พระมุนีทรงสรรเสริญความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร คนเมื่อคบกัลยาณมิตร แม้เป็นพาล ก็พึงเป็นบัณฑิตได้บ้าง.
บัดนี้ ภพสุดท้าย ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลเศรษฐีเมื่อตระกูลยากจนไม่มีทรัพย์ต่ำต้อยลงก็ไปสู่ตระกูลมีทรัพย์ [มีสามี] เว้นสามีคนเดียว คนนอกนั้นก็เกลียดข้าพเจ้าว่าเป็นคนไม่มีทรัพย์. บทว่า กปณิกายา แปลว่า ผู้ยากไร้ เขาว่าสองคาถานี้ พระเถรีกล่าวเพื่อชี้แจงโทษในความเป็นหญิง โดยกระทำตามอาการที่นางปฏาจารา ผู้ประสบความบ้าเพราะความเศร้าโศกในครั้งนั้น กล่าวไว้. ข้าพเจ้าตัดความโศกศัลย์ได้แล้ว ปลงภาระแล้วกระทำกรณียะเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าชื่อกีสาโคตมีเถรีผู้มีจิตหลุดพ้นแล้ว กล่าวคำนี้. อริยมรรคมีองค์ ๘ อันให้ถึงอมตธรรม ข้าพเจ้าก็อบรมแล้ว แม้พระนิพพานก็กระทำให้แจ้งแล้วข้าพเจ้าได้พบกระจกธรรมแล้ว. ข้าพเจ้าตัดความโศกศัลย์ได้แล้ว ปลงภาระแล้วกระทำกรณียะเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าชื่อกีสาโคตมีเถรี ผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วกล่าวคำนี้ไว้. จบพระคาถา นางก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ตามอาการที่ยืนอยู่ ทูลขอบรรพชากะพระศาสดา.