โรคกรดไหลย้อนคือการที่น้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ก่อให้เกิดอาการเจ็บแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่และหน้าอก ปัญหานี้พบบ่อยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในไทย
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรักษาอย่างเหมาะสมช่วยบรรเทาอาการได้ นอกจากนี้ยังป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ความหมายของโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนหรือ GERD เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในปัจจุบัน เป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่ปากและลำคอ
โรคนี้พบบ่อยในไทยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความชุกในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10-20 ของประชากร เราควรเข้าใจสาเหตุ อาการ และวิธีรักษาที่เหมาะสม
โรคกรดไหลย้อน คือ ภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร
อาการที่เกิดต่อเนื่องอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น การอักเสบและแผลในหลอดอาหาร หรือแม้แต่มะเร็งหลอดอาหาร การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจึงสำคัญมาก
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนเกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร สาเหตุหลักมาจากหลอดอาหารส่วนปลายที่คลายตัวมากเกินไป ความดันในบริเวณนั้นจึงลดต่ำลง
อีกสาเหตุคือความผิดปกติในการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร ทำให้น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร สิ่งเหล่านี้เป็น ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด อาการกรดไหลย้อน
คลายตัวมากเกินไป
หลอดอาหารส่วนปลายเป็นหูรูดควบคุมการเปิด-ปิดระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร เมื่อมันคลายตัวมากเกินไป ความดันในบริเวณนั้นจะลดต่ำ น้ำย่อยจึงไหลย้อนกลับขึ้นไปยังหลอดอาหารได้ง่าย
กระเพาะอาหารเลื่อนเข้าไปในหลอดอาหาร
บางครั้งกระเพาะอาหาร อาจเลื่อนขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหาร (hiatal hernia) ทำให้ความดันของหูรูดลดลง น้ำย่อยจึงไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหารได้ง่าย
ความผิดปกติในการบีบตัว
การบีบตัวผิดปกติของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหารก็เป็นสาเหตุสำคัญ สิ่งนี้ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้เช่นกัน
สาเหตุโรคกรดไหลย้อน | รายละเอียด |
---|---|
หลอดอาหารส่วนปลายคลายตัวมากเกินไป | ความดันในบริเวณนั้นต่ำ น้ำย่อยจึงไหลย้อนขึ้นได้ง่าย |
กระเพาะอาหารเลื่อนเข้าไปในหลอดอาหาร | ความดันของหูรูดลดต่ำลง ทำให้น้ำย่อยไหลย้อนได้ |
ความผิดปกติการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร | ส่งผลให้น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารได้ง่าย |
สาเหตุหลักของโรคกรดไหลย้อนคือความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร น้ำย่อยจึงไหลย้อนกลับเข้าสู่หลอดอาหารได้ง่าย ส่งผลให้เกิดอาการกรดไหลย้อนตามมา
อาการกรดไหลย้อนเป็นยังไง
กรดไหลย้อนมีอาการชัดเจน คือแสบร้อนที่ปากและลำคอ มักลามไปถึงหน้าอก และมีการเรอรสเปรี้ยวบ่อย กรดจากกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาถึงปาก สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
อาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ ลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือลำคอ
ความรู้สึกเหมือนไฟไหม้ที่ลิ้นปี่เป็นอาการสำคัญของกรดไหลย้อน อาการนี้อาจลามไปถึงหน้าอกหรือลำคอ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายตัว
มีอาการเรอเปรี้ยวบ่อยๆ เพราะกรดไหลย้อนขึ้นมาถึงปาก
นอกจากอาการแสบร้อน ยังมีการเรอเปรี้ยวเพราะกรดไหลย้อนขึ้นมา ทำให้รู้สึกเปรี้ยวในปากและลำคอ สัมผัสได้ด้วยลิ้นและเพดานปาก เป็นอาการที่น่ารำคาญอีกอย่างของโรคนี้
กลุ่มเสี่ยงโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนพบได้บ่อยในปัจจุบัน ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมีหลายประเภท
- คนวัยทำงาน
- คนที่มีน้ำหนักเกิน
- คนที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่
- สตรีตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยโรคผิวหนังแข็งหรือเบาหวาน
- ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษากระดูกพรุน และยาซึมเศร้า
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโรคกรดไหลย้อนโดยตรง การปรับพฤติกรรมช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงได้ ดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคนี้เป็นสิ่งสำคัญ
รักษาโรคกรดไหลย้อนได้อย่างไร
การรักษาโรคกรดไหลย้อนเริ่มจากการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง อาหารรสจัด เครื่องดื่มคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ล้วนกระตุ้นอาการของโรค การควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยบรรเทาอาการได้
การไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหารเป็นวิธีลดโอกาสเกิดกรดไหลย้อน ควรรอประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน การนอนทันทีอาจทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนสู่หลอดอาหารได้ง่าย
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
- อาหารรสจัด
- เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน
- แอลกอฮอล์
ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การนอนหลังรับประทานอาหาร
ภาวะแทรกซ้อนจากกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ภาวะเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และเพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงในระยะยาว
หลอดอาหารอักเสบหรือเป็นแผล
กรดในกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นมา สามารถทำให้หลอดอาหารอักเสบและเป็นแผล อาการที่พบได้คือปวดแสบ ปวดร้าว และอาจมีเลือดออก
หลอดอาหารตีบ
การอักเสบและแผลซ้ำ ๆ อาจทำให้หลอดอาหารเป็นแผลเป็นและตีบแคบ ส่งผลให้กลืนอาหารลำบากและสำลักได้
เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งหลอดอาหาร
กรดไหลย้อนที่ไม่ได้รักษา อาจทำให้เนื้อเยื่อหลอดอาหารเปลี่ยนแปลงเป็น Barrett’s epithelium ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารถึง 30-150 เท่า
พบว่า 60% ของผู้ป่วยที่มี Barrett’s epithelium จะพัฒนาเป็นมะเร็งหลอดอาหาร การรักษากรดไหลย้อนอย่างเหมาะสมจึงสำคัญมาก
การตรวจวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน
การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนใช้หลายวิธีตรวจหาสาเหตุ แพทย์จะประเมินความรุนแรงของอาการเพื่อวางแผนรักษา วิธีตรวจทางการแพทย์ที่นิยมมีดังนี้
การส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร
แพทย์ใช้กล้องส่องทางทวารหนักเพื่อตรวจหาความผิดปกติ วิธีนี้ช่วยดูหลอดอาหารและกระเพาะอาหารโดยตรง แพทย์จะประเมินการอักเสบหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น
การเอกซเรย์กลืนสารทึบแสง
ผู้ป่วยต้องกลืนสารทึบแสงลงไปในกระเพาะอาหาร จากนั้นจะถ่ายภาพเอกซเรย์ดูภาพภายใน วิธีนี้ช่วยให้เห็นหลอดอาหารและกระเพาะอาหารชัดเจน
การตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร และวัดระดับความเป็นกรดด่าง
แพทย์ตรวจการบีบตัวของหลอดอาหารเพื่อดูการทำงานของหูรูด การตรวจนี้ดูการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารด้วย
การวัดระดับความเป็นกรดด่างช่วยยืนยันการไหลย้อนของกรด วิธีนี้ทำให้รู้ว่ามีกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนจริงหรือไม่
การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนเป็นกระบวนการสำคัญ การตรวจช่วยประเมินความรุนแรงและหาสาเหตุที่แท้จริง ผลการตรวจทำให้แพทย์กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมได้
วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนต้องการการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง การปรับพฤติกรรมช่วยจัดการอาการและลดความเสี่ยง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษากรดไหลย้อน และ การบริหารจัดการอาการกรดไหลย้อน มีดังนี้:
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและปรับพฤติกรรมการรับประทาน
- งดอาหารและเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อน เช่น อาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อลดปริมาณอาหารในกระเพาะอาหาร
- ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร แต่ควรรอประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้กระเพาะอาหารทำงานย่อยอาหารได้ดีขึ้น
ไม่สวมเสื้อผ้ารัดรูป ลดอ้วนหากมีน้ำหนักเกิน
เสื้อผ้ารัดรูปและน้ำหนักเกินอาจกดทับกระเพาะและหลอดอาหาร ทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลง วิธีดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน รวมถึงการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การปฏิบัติตนถูกต้องช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
โรคกรดไหลย้อนในเด็ก
โรคกรดไหลย้อน (GERD) พบได้ในเด็กทุกวัย ตั้งแต่ทารกจนถึงเด็กโต อาการของ GERD ในเด็กมีหลากหลาย เช่น ไอเรื้อรัง เบื่ออาหาร และร้องไห้ระหว่างมื้อ นอกจากนี้ยังอาจมีอาการแสบร้อนในอกและปวดท้อง
ในเด็กโต GERD อาจเกิดจากกล้ามเนื้อปิดปิดด้านล่างตึงตัว การวินิจฉัยมักใช้ประวัติทางการแพทย์ของเด็กเป็นหลัก โดยเฉพาะเมื่อปัญหาเกิดขึ้นบ่อย
การรักษา GERD ในเด็กอาจรวมถึงการปรับไลฟ์สไตล์ เช่น ยกหัวเตียงและปรับตารางอาหาร บางครั้งอาจใช้ยาร่วมด้วย การผ่าตัดมักไม่จำเป็น ยกเว้นกรณีร้ายแรงหรือการรักษาอื่นไม่ได้ผล
FAQ
อาการกรดไหลย้อนเป็นยังไง? รู้ได้อย่างไร
อาการชัดเจนของโรคกรดไหลย้อน คือ แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ อาจลามถึงหน้าอกหรือลำคอ มีอาการเรอเปรี้ยวบ่อยๆ เพราะกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมา
โรคกรดไหลย้อน คืออะไร และเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยหรือไม่
โรคกรดไหลย้อนคือภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในไทย แนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อนมาจากอะไร
สาเหตุหลักคือหลอดอาหารส่วนปลายคลายตัวมากเกินไป ทำให้ความดันต่ำลง กระเพาะอาหารอาจเลื่อนเข้าไปในหลอดอาหาร
นอกจากนี้ ความผิดปกติในการบีบตัวของกระเพาะและหลอดอาหารก็เป็นสาเหตุได้
อาการของโรคกรดไหลย้อนเป็นอย่างไร
อาการชัดเจนคือแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ อาจลามถึงหน้าอกหรือลำคอ มีอาการเรอเปรี้ยวบ่อย เพราะกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมา
กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคกรดไหลย้อนมีใครบ้าง
กลุ่มเสี่ยงมีคนวัยทำงาน คนอ้วน คนดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ สตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคผิวหนังแข็งหรือเบาหวาน
รวมถึงผู้ใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษากระดูกพรุน และยาซึมเศร้า
การรักษาโรคกรดไหลย้อนควรทำอย่างไร
ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น ลดอาหารรสจัด เครื่องดื่มคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ไม่ควรนอนทันทีหลังกินอาหาร ควรรอประมาณ 2-3 ชั่วโมง
โรคกรดไหลย้อนอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง
หากไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น อักเสบหรือแผลในหลอดอาหาร หลอดอาหารตีบ
ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหารอีกด้วย
การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนทำได้อย่างไร
วิธีวินิจฉัยมีส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร เอกซเรย์กลืนสารทึบแสง ตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร
และวัดระดับความเป็นกรดด่างในหลอดอาหาร เพื่อประเมินความรุนแรงและหาสาเหตุที่แท้จริง
ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เครื่องดื่มคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ กินอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง
ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูป ลดน้ำหนักถ้าอ้วน เพื่อบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
โรคกรดไหลย้อนพบได้ในเด็กหรือไม่
โรคกรดไหลย้อนพบได้ตั้งแต่วัยทารกถึงเด็กโต อาการในเด็กมักเป็นอาเจียน