ก็ในเวลาจบกถาของพระเถระนั้น สัตว์ประมาณหกหมื่น ได้บรรลุธรรมแล้ว. ประชาชนประมาณสามหมื่นเจ็ดพันบวชแล้ว. วิหาร ๕๐๐ หลัง ก็ประดิษฐานขึ้นแล้ว. ในกาลนั้นพระมัชฌันติกะผู้ฤษี ไปยังแคว้นกัสมีรคันธาระแล้ว ให้พญานาคผู้ดุร้าย เลื่อมใสแล้ว ได้ปลดเปลื้องสัตว์เป็นอันมาก ให้พ้นจากเครื่องผูกแล้วแล.
( คือบันดาลให้) พายุที่กล้าแข็งพัดฟุ้งไปในที่นั้น ๆ. พระเถระแม้ทั้งหมดเมื่อจะไปยังทิสาภาคนั้นๆ ก็เข้าใจอยู่ว่า ในปัจจันติชนบททั้งหลายต้องมี คณะปัญจวรรค จึงสมควรทำอุปสมบทกรรมได้ ดังนี้ จึงไปกับพวกละ ๕ รวมกับตน. “อนึ่ง บารมีย่อมกำจัด คือทำลายปฏิปักษ์อื่นจากธรรมกายอันเป็นอัตตา หรือ (ทำลาย) หมู่โจรคือกิเลสที่ทำความพินาศแก่ธรรมกายอันเป็นอัตตานั้น เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า ปรมะ. สัตว์ใดประกอบด้วยปรมะ (บารมี) ดังกล่าวมานี้ สัตว์นั้นชื่อว่า มหาสัตว์ (โพธิสัตว์).” พระเถระรับคำของท้าวสักกะนั้นแล้ว เป็น ๗ คนทั้งตน เหาะขึ้นไปสู่เวหาจากเวทิสบรรพต แล้วดำรงอยู่บนมิสสกบรรพต ซึ่งชนทั้งหลายในบัดนี้จำกันได้ว่า เจติยบรรพตบ้าง ทางทิศบูรพาแห่งอนุราชบุรี. สมัยนั้น พระนางที่เป็นมารดาของมหินทกุมารนั้น ก็ประทับอยู่ที่ตำหนักของพระประยูรญาติ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงกล่าวไว้ว่า พระเถระได้ไปถึงเมืองชื่อเวทิสนคร อันเป็นสถานที่ประทับของพระมารดาโดยลำดับ.
พระองคุลิมาลเถระ
ตาม ความในมธุรสูตรว่า ท่านอยู่มาถึงภายหลัง แต่พุทธปรินิพพาน ใจความย่อในสูตรนั้นว่า เมื่อพระมหากัจจายนะอยู่ที่คุนธาวัน แขวงมธุรราชธานี พระเจ้ามธุรราชอวันตีบุตรเสด็จไปหา แล้วตรัสว่า ข้าแต่ท่านพระกัจจานะผู้เจริญ พวกพราหมณ์ถือว่า พวกเขาเป็นผู้ประเสริฐบริสุทธิ์เกิดจากพรหม ท่านเข้าใจว่าอย่างไร? ท่านพระมหากัจจายนะทูลตอบแล้ว แสดงวรรณะสี่เหล่าว่าไม่ต่างกัน ครั้นพระเจ้ามธุรราชได้สดับแล้วก็เกิดความเลื่อมใส แสดงพระองค์เป็นอุบาสก ถึงพระเถรเจ้ากับพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะ พระเถระเจ้าทูลห้ามว่า อย่าถึงท่านเป็นสรณะเลย จงถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นสรณะของอาตมภาพ เป็นสรณะเถิด พระเจ้ามธุรราชตรัสถามว่า เดี๋ยวนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ที่ไหน? ท่านทูลว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานเสียแล้ว พระเจ้ามธุรราชตรัสว่า ถ้าพระองค์ได้ทรงสดับว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในที่ใด แม้ใกล้ไกลเท่าใด พระองค์คงจักเสด็จไปเฝ้าให้จงได้ พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานเสียแล้ว ข้าพระองค์ขอถึงผู้มีพระภาคเจ้าแม้ปรินิพพานแล้ว กับพระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่ง ข้อนี้ย่อมชี้ให้เห็นว่าท่านพระมหากัจจายนะอยู่มาถึงภายหลังแต่พุทธ ปรินิพพาน ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้วก็ปรินิพพานฯ.. ครั้นพระบรมศาสดาทรงแก้ปัญหา ที่อุปสีวมาณพทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดแห่งการแก้ปัญหา อุปสีวมาณพก็ได้บรรลุพระอรหัตผล (ก่อนอุปสมบท) เมื่อการพยากรณ์ปัญหาแห่งมาณพนอกนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุปสีวมาณพพร้อมด้วยมาณพอีกสิบห้าคน ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ท่านพระอุปสีวะนั้น เมื่อยังมีชนมายุอยู่ได้ช่วยทำกิจพระพุทธศาสนาตามสมควรแก่กำลังความสามารถ ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้วก็ดับขันธปรินิพพานฯ.. ครั้นพระบรมศาสดาทรงแก้ปัญหา ที่ปุณณกมาณพทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดแห่งการแก้ปัญหา ปุณณกมาณพ ได้สำเร็จพระอรหัตผล (ก่อนอุปสมบท) เมื่อพระศาสดาทรงพยากรณ์ปัญหาแห่งมาณพนอกนี้เสร็จสิ้นแล้ว ปุณณกมาณพพร้อมด้วยมาณพอีก ๑๕ คน ขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานฯ..
ประชาชนจำนวนหนึ่งหมื่นสามพันคนบวชแล้ว. พระเถระนั้น ได้ประดิษฐานพระศาสนาให้ดำรงมั่นอยู่ในมหารัฐชนบทนั้นแล้ว ด้วยประการฉะนี้. แล้ว ก็ให้สัตว์ประมาณสามหมื่นเจ็ดพันดื่มอมตธรรม. บุรุษออกบรรพชา แต่ขัตติยตระกูลหนึ่งพันคน. พระเถระนั้นได้ประดิษฐานพระศาสนาให้ดำรงมั่นอยู่ในอปรันตกชนบทนั้นแล้ว ด้วยประการฉะนี้. พระรักขิตเถระผู้มีฤทธิ์มากไปยัง วนวาสีชนบทแล้ว ได้ยืนอยู่บนอากาศกลางหาว แล้วแสดงงอนมตักคิยกถา (แก่มหาชน) ในวนวาสีชนบทนั้นแล.
พระกาฬุทายีเถระ
ในห้อง ‘พระไตรปิฎก’ ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 3 กรกฎาคม 2005. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พุทธธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๙, หน้า ๔๔๘-๔๔๙. พระครูกัลยาณสิทธืวัฒน์,พุทธบัญญัติ ๒๒๗ เพื่อความเข้าใจวินัยให้ถูกต้อง, หน้า ๕.
นาคและยักษ์เป็นต้นเหล่านั้นทั้งหมด รับโอวาทขอพระเถระว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ! ก็ในวันนั้นแล เป็นสมัยทำการบูชาพญานาค. เวลานั้น พญานาค สั่งให้นำรัตนบัลลังก์ของตน มาแต่งตั้งถวายพระเถระ. แล้ว ก็ให้สัตว์ประมาณแปดหมื่นสี่พันตั้งอยู่ในมรรคและผล.
มหาชาติสำนวนต่าง ๆ
2.พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพุทธศาสนาในอาเซีย. เวลานั้น เราจักพบพระองค์ท่านในที่นั้น. พระเถระก็สำเร็จการพักอยู่ที่เวทิสคิรีมหาวิหารนั้น และสิ้นเดือนหนึ่งต่อไปอีก. พวกเด็กในตระกูลประมาณสามพันห้าร้อยบวชแล้ว. กุลธิดาประมาณหนึ่งพันห้าร้อยนาง ก็บวชแล้ว. พระเถระนั้น ได้ประดิษฐานพระศาสนาให้ดำรงมั่นอยู่ในแคว้นสุวรรณภูมินั้นแล้ว ด้วยประการฉะนี้.
อานุภาพภาวนา “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ. ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ. สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ.”
ฝ่ายพระมหารักขิตเถระ ไปยังรัฐโยนกแล้ว ให้ชนชาวโลกโยนก เลื่อมใส ด้วยกาฬการามสุตตันตกถาแล้ว ได้ให้เครื่องอลังการคือมรรคและผลแก่สัตว์ประมาณหนึ่งแสนสามหมื่นเจ็ดพัน ก็ประชาชนประมาณหนึ่งหมื่นบวชแล้วในสำนักของพระเถระนั้น. แม้พระเถระนั้น ก็ได้ประดิษฐานพระศาสนาให้ดำรงมั่นอยู่ในรัฐโยนกนั้นแล้ว ด้วยประการฉะนี้. ก็โดยสมัยนั้นแล ในแคว้นกัสมีรคันธาระ ในฤดูข้าวกล้าสุก มีพญานาคชื่ออารวาฬ ได้บันดาลฝน ชื่อว่าฝนลูกเห็บให้ตกลงมา ทำข้าวกล้าให้ลอยไปยังมหาสมุทร. พระมัชฌันติกเถระเหาะขึ้นไปสู่เวหาจากนครปาตลีบุตร แล้วไปลงเบื้องบนสระอารวาฬที่ป่าหิมพานต์ จงกรมอยู่บ้าง ยืนอยู่บ้าง นั่งอยู่บ้างสำเร็จการนอนอยู่บ้าง บนหลังสระอารวาฬ. วันตรัสเทศนา สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรยังพระอัญญาโกณฑํญญะให้ตั้งใน พระโสดาปัตติผล ในวันเพ็ญแห่งอาสาฬหมาส ตรัสเทศนาอนัตตลักขณสูตร ยังพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ให้ตั้งในพระอรหัตผล เมื่อดิถีที่ ๕ แห่งกาฬปักษ์เป็นลำดับมา (ในครั้งนั้นนับเป็นต้นแห่งสาวนมาส) โดยนัยนี้ระยะกาลที่ทรงสั่งสอนท่านทั้ง ๔ ให้ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล ๔ วันในระหว่างนั้นฯ..
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พุทธธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๙, หน้า ๔๔๙-๔๕๐. ท่านเท่านั้น จะพึงมีความแค้นใจอย่างแน่แท้. ธรรมดา, หัวหน้าฝ่ายวางแผนและวิชาการ, สัมภาษณ์ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๓. ครั้งนั้น เมื่อท่านใคร่ควรอยู่ ก็ได้มีความเห็นว่า ยังไม่ใช่กาลที่ควรจะไปก่อน.
- ครั้นเมื่อพระเถระกล่าวอย่างนั้นแล้ว พญานาค ถูกพระเถระกำจัดอานุภาพแล้ว เป็นผู้มีความพยายามไร้ผล มีความทุกข์เศร้าใจซบเซาอยู่.
- เวลานั้น เราจักพบพระองค์ท่านในที่นั้น.
- ประชาชนจำนวนหนึ่งหมื่นสามพันคนบวชแล้ว.
- พระมหาเทวเถระผู้มีฤทธิ์มาก ไปยังมหิสสกรัฐแล้ว โอวาทตักเตือน ด้วยเทวทูตทั้งหลาย ได้ปลดเปลื้องสัตว์เป็นอันมาก ให้พ้นจากเครื่องผูกแล้วแล.
- พระเถระก็สำเร็จการพักอยู่ที่เวทิสคิรีมหาวิหารนั้น และสิ้นเดือนหนึ่งต่อไปอีก.
ครั้นเมื่อพระเถระกล่าวอย่างนั้นแล้ว พญานาค ถูกพระเถระกำจัดอานุภาพแล้ว เป็นผู้มีความพยายามไร้ผล มีความทุกข์เศร้าใจซบเซาอยู่. พระเถระชี้แจงให้พญานาคนั้นเข้าใจ สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาอันสมควรแก่ขณะนั้นแล้ว ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์และเบญจศีล พร้อมด้วยนาคจำนวนแปดหมื่นสพัน. เหล่าลูกนาคซึ่งมีรูปอันน่าสะพรึงกลัว ก็ประชุมกัน. ฝ่ายพญานาคเอง ก็บังหวนควัน ลุกโพลงปล่อยฝนเครื่องประหารคุกคามพระเถระด้วยคำหยาบคายเป็นต้นว่า สมณะโล้นผู้นี้ ทรงผ้าที่ตัดขาด (ด้วยศัสตรา) คือใคร?
ได้บังคับหมู่พลนาคไปว่าพวกท่านจงมาจับฆ่า, ขับใสสมณะรูปนี้ออกไป. ลำดับนั้น พระเถระดำริว่า พระราชาพระองค์นี้ ทรงพระชราภาพมาก เราไม่อาจรับพระราชานี้ยกย่องเชิดชูพระศาสนาได้ ก็บัดนี้ พระราชโอรสของพระองค์ ทรงพระนามว่า เทวานัมปิยดิส จักเสวยราชย์ (ต่อไป) เราจักอาจรับพระราชานั้นยกย่องเชิดชูพระศาสนาได้ เอาเถิด เราจักเยี่ยวพวกญาติเสียก่อน จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง, บัดนี้ เราจะพึงได้กลับมายังชนบทนี้อีกหรือไม่. หนึ่ง ขึ้นมากจากสมุทรเคี้ยวกินพวกทารกที่เกิดในราชตระกูล. ในวันนั้นเอง มีเด็กคนหนึ่งเกิดในราชตระกูล. มนุษย์ทั้งหลายเห็นพระเถระแล้ว สำคัญอยู่ว่า ผู้นี้จักเป็นสหายของพวกรากษส จึงพากันถือเอาอาวุธไปประสงค์จะประหารพระเถระ. ส่วนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของพระอรหันต์ที่ตำหนิหรือปรับอาบัติพระอานนท์ เกี่ยวกับการขวนขวายให้สตรีบวช และการให้สตรีเข้าถวายพระสรีระศพของพระพุทธเจ้าก่อนใครอื่นเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครทราบ เพราะเหตุการณ์ได้ล่วงมา ๒๕๕๔ แล้ว ก็คงต้องมีการตีความกันต่อไป ตามภูมิหลังพื้นความรู้ของแต่ละคน.