ล่าสุดเหตุการณ์ ใน กัณฑ์ ใด ที่ พระอินทร์ บันดาล ให้ ฝน โบกขรพรรษ ตกลง มา

เหตุการณ์ ใน กัณฑ์ ใด ที่ พระอินทร์ บันดาล ให้ ฝน โบกขรพรรษ ตกลง มา

ต้องอ่าน

ข้าแต่พระมหาราชเจ้า หม่อมฉันทั้งหลายเป็นผู้เข็ญใจ ฝึกแล้ว คือหมดพยศ. ความเข็ญใจฝึกหม่อมฉันทั้งหลาย ดุจนายสารถีฝึกม้าให้หมดพยศ ฉะนั้น. ข้าแต่มหาราช หม่อมฉันทั้งหลายถูกเนรเทศมีร่างกายเหี่ยวแห้ง ด้วยการหาเลี้ยงชีพในป่า จึงมีเนื้อหนังซูบลง เพราะไม่ได้เห็นพระชนกและพระชนนี. บทว่า ตเทว ความว่า พระนางมัทรีให้พระมหาสัตว์อุ่นพระหฤทัยว่า ก็พรอันใดที่ท้าวสักกเทวราชประทานแด่พระองค์ตรัสว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ไม่นานนักพระชนกของพระองค์จะเสด็จมา ขอพระองค์จงพิจารณาพร้อมนั้นเถิด ความสวัสดีพึงมีแก่พวกเราจากพลนิกายนี้ เป็นแน่แท้.

เหตุการณ์ ใน กัณฑ์ ใด ที่ พระอินทร์ บันดาล ให้ ฝน โบกขรพรรษ ตกลง มา

เหล่าอำมาตย์หกหมื่นผู้สหชาติของพระมหาสัตว์ เห็นกิริยาของ ๖ กษัตริย์ดังนั้น ก็ถึงวิสัญญีภาพล้มลง ณ ที่นั้น เหมือนกัน. บรรดาราชบริพารทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์อันน่าสงสารนั้น. อาศรมบททั้งสิ้นได้เป็นเหมือนป่ารัง อันลมยุคันตวาตย่ำยีแล้ว. ขณะนั้น ภูผาทั้งหลายก็บันลือลั่น มหาปฐพีก็หวั่นไหว มหาสมุทรก็กำเริบ เขาสิเนรุราชก็โอนเอนไปมา เทวโลกทั่วกามาพจรก็เกิดโกลาหล เป็นอันเดียวกัน. พระเจ้าสญชัยผู้ชนกนาถให้กลับรถ ให้กองทัพตั้งยับยั้งอยู่แล้ว เสด็จไปยังพระเวสสันดรผู้โอรส ซึ่งเสด็จประทับอยู่ในป่าพระองค์เดียว. เสด็จลงจากคอช้างพระที่นั่ง ทรงสะพักเฉวียงพระอังสาประนมพระหัตถ์ อันเหล่าอำมาตย์ห้อมล้อม เสด็จมาเพื่ออภิเษกพระโอรส พระเจ้าสญชัยได้ทอดพระเนตรเห็นพระเวสสันดรราชโอรส มีพระกายมิได้ลูบไล้ตกแต่ง มีพระมนัสแน่วแน่ นั่งเข้าฌานอยู่ในบรรณศาลานั้น ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ.

ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

บทว่า วารุณีว ปเวเธนฺติ ความว่า ตัวสั่นเหมือนแม่มดที่ถูกผีสิง. บทว่า ถนธาราภิสิญฺจถ ความว่า สายน้ำนมไหลออกจากพระถันทั้งสอง. ยวดยานของพระองค์หาโรคภัยมิได้กระมัง พาหนะยังใช้ได้คล่องแคล่วดีกระมัง ชนบทมั่งคั่งกระมัง ฝนตกต้องตามฤดูกาลกระมัง. ลูกรัก พ่อไม่มีโรคาพาธกระมัง สุขสำราญดีกระมัง ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยเสาะแสวงหาผลาหารสะดวกกระมัง มูลผลาหารมีมากกระมัง เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลานทีจะมีน้อยกระมัง ความเบียดเบียนให้ลำบากในวนประเทศที่เกลื่อนไปด้วยเนื้อร้าย ไม่ค่อยมีกระมัง.

เหตุการณ์ ใน กัณฑ์ ใด ที่ พระอินทร์ บันดาล ให้ ฝน โบกขรพรรษ ตกลง มา

ข้าแต่พระบิดา พระองค์ไม่มีพระโรคาพาธกระมัง สุขสำราญดีกระมัง พระเนตรแห่งพระมารดาของหม่อมฉัน ยังไม่เสื่อมกระมัง. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ ความว่า ประทับนั่งทำพระหฤทัยให้มั่นคงว่า เราเป็นบรรพชิต ใครจักทำอะไรแก่เรา. แต่นั้น พระเวสสันดรราชฤาษีเสด็จลงจากบรรพต ประทับนั่ง ณ บรรณศาลา ทำพระหฤทัยให้มั่นคง. ลูกรัก พ่อไม่ค่อยมีโรคและมีความสุขสำราญดี อนึ่ง จักษุของมารดาเจ้าก็ไม่เสื่อม. ในห้อง ‘พระไตรปิฎก’ ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 12 มิถุนายน 2008.

มหาเวทเวสสันดรชาดก

🚕 🚝 ขอความร่วมมือท่านเดินทางโดยรถสาธารณะ หรือท่านใดนำรถยนต์ส่วนตัวมา ขอให้นำไปรถไปจอดที่ห้างซีคอนบางแค ชั้น 1 ครึ่ง มีรถรับ-ส่ง ซีคอน-ยุวพุทธฯ จอดข้าง The Pizza Company เวลา 06.00 น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิกฺกีตา ได้แก่ ให้ทรัพย์ไถ่ไว้แล้ว. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิงฺฆ เป็นนิบาตลงในอรรถว่า ตักเตือน. ต้องตอบอย่างผู้มีปัญญา มองให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของโพธิญาณ และการผูกโยงเรื่องเล่านี้ให้ตลอดสาย…ครับผม…

เหตุการณ์ ใน กัณฑ์ ใด ที่ พระอินทร์ บันดาล ให้ ฝน โบกขรพรรษ ตกลง มา

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปาเท วนฺทามิ เต หุสา ความว่า พระนางมัทรีกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันผู้สะใภ้ของพระองค์ ขอถวายบังคมแทบพระยุคลบาท กราบทูลฉะนี้แล้วถวายบังคม. บทว่า เตสุ ตตฺถ ได้แก่ กษัตริย์ทั้งสองนั้น ณ อาศรมที่ท้าวสักกเทวราชประทานนั้น. บทว่า ตสฺส ยาจนฺติ ความว่า หมอบลงแทบพระบาทแห่งพระเวสสันดร ร้องไห้คร่ำครวญวิงวอนว่า ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์จงเป็นนาย เป็นใหญ่ เป็นบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย มหาชนประสงค์จะอภิเษกทั้งสองพระองค์ ในที่นี้นี่แหละ แล้วนำเสด็จสู่พระนคร.

พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี

บทว่า สิญฺจิตุมาคมิ ความว่า เสด็จเข้าไปเพื่ออภิเษกในราชสมบัติ. พระเวสสันดรครองนครสีพีจนอายุ a hundred and twenty ปีจึงสวรรคต ไปเกิดเป็นเทพบุตรชื่อว่าสันตุสิต อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตก่อนที่จะมาเกิดเป็นพระสิทธัตถะกุมารนั้นแล. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนามหาเวสสันดรชาดก ซึ่งประดับด้วยคาถาประมาณ ๑,๐๐๐ คาถานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน มหาเมฆก็ยังฝนโบกขรพรรษให้ตก ในที่ประชุมแห่งพระประยูรญาติของเรา อย่างนี้เหมือนกัน. เมื่อสามกษัตริย์ตรัสปราศรัยกันอยู่อย่างนี้ พระนางผุสดีเทวีทรงกำหนดว่า บัดนี้ กษัตริย์ทั้งสามจักทำความโศกให้เบาบาง ประทับนั่งอยู่ จึงเสด็จไปสู่สำนักพระโอรส พร้อมด้วยบริวารใหญ่. ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ทรงบรรเทาความโศกให้เบาลงแล้ว พร้อมด้วยพระนางมัทรีเสด็จลงจากภูเขาประทับ นั่งที่ทวารบรรณศาลา ฝ่ายพระนางมัทรีก็ประทับนั่งที่ทวารบรรณศาลาของพระองค์.

ฝ่ายพระชาลีราชกุมารให้ตั้งค่ายแทบฝั่งสระมุจลินท์ ให้กลับรถหมื่นสี่พันคัน ตั้งให้มีหน้าเฉพาะทางที่มา. แล้วให้จัดการรักษาสัตว์ร้าย มีราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง และแรดเป็นต้น ในประเทศนั้นๆ. ครั้งนั้น พระเวสสันดรมหาสัตว์ได้ทรงสดับเสียงนั้นก็ทรงกลัวแต่มรณภัย. ด้วยเข้าพระทัยว่า เหล่าปัจจามิตรของเราปลงพระชนม์ พระชนกของเรา แล้วมาเพื่อต้องการตัวเรากระมังหนอ จึงพาพระนางมัทรีเสด็จขึ้นภูผาทอดพระเนตรดูกองทัพ. กัณฑ์นครกัณฑ์ ว่าด้วยเรื่องผลแห่งทาน ผลแห่งศีล และผลแห่งพระบารมี 30 ทัศ ของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ เมื่อกลับมาถึงกรุงสีพีแล้วบังเกิดฝนใหญ่ตกลงมาสร้างความชุ่มชื่นร่มเย็นแก่ชาวเมืองสีพีพระเวสสันดรครองนครสีพีจนอายุ one hundred twenty ปีจึงสวรรคต ไปเกิดเป็นเทพบุตรชื่อว่าสันตุสิต อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตก่อนที่จะมาเกิดเป็นพระสิทธัตถะกุมารนั้นแล.

  • ยวดยานของพระองค์หาโรคภัยมิได้กระมัง พาหนะยังใช้ได้คล่องแคล่วดีกระมัง ชนบทมั่งคั่งกระมัง ฝนตกต้องตามฤดูกาลกระมัง.
  • บทว่า ถนธาราภิสิญฺจถ ความว่า สายน้ำนมไหลออกจากพระถันทั้งสอง.
  • บทว่า สปฺปทฏฺฐว มาณวํ ความว่า ขอได้โปรดแจ้งให้ทราบ คือตรัสบอกแก่หม่อมฉันทั้งสองทันที เหมือนหมองูเยียวยามาณพที่ถูกงูกัด เพื่อสำรอกพิษเสีย ฉะนั้น.
  • บทว่า ตเทว ความว่า พระนางมัทรีให้พระมหาสัตว์อุ่นพระหฤทัยว่า ก็พรอันใดที่ท้าวสักกเทวราชประทานแด่พระองค์ตรัสว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ไม่นานนักพระชนกของพระองค์จะเสด็จมา ขอพระองค์จงพิจารณาพร้อมนั้นเถิด ความสวัสดีพึงมีแก่พวกเราจากพลนิกายนี้ เป็นแน่แท้.
  • เหล่าอำมาตย์หกหมื่นผู้สหชาติของพระมหาสัตว์ เห็นกิริยาของ ๖ กษัตริย์ดังนั้น ก็ถึงวิสัญญีภาพล้มลง ณ ที่นั้น เหมือนกัน.

ความกึกก้องใหญ่ได้เกิดแก่สมาคมพระญาติ ภูเขาทั้งหลายก็บันลือลั่น แผ่นดินก็หวั่นไหว ฝนตกลงเป็นท่อธาร ในกาลนั้น. ลำดับนั้น พระราชาเวสสันดรก็ประชุมด้วยพระประยูรญาติทั้งหลาย พระชาลีและพระกัณหาชินาผู้พระราชนัดดา พระนางมัทรีผู้สะใภ้ พระเวสสันดรผู้พระราชโอรส พระเจ้าสญชัยผู้มหาราชและพระนางเจ้าผุสดีผู้พระมเหสี ได้ประชุมโดยความเป็นอันเดียวกัน ในกาลใด. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทายาทปฺปตฺตมานสา ความว่า พระเวสสันดรกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ทายาทของพระองค์ผู้ประเสริฐของชาวสีพี มีมนัสยังไม่ถึงแล้ว คือมีมโนรถยังไม่สมบูรณ์ ตกอยู่ในอำนาจของพราหมณ์. ถ้าพระองค์ทรงทราบ หรือได้สดับข่าวลูกทั้งสองของพระราชบุตรีมัทรีนั้น ด้วยได้ทอดพระเนตรเห็น หรือด้วยได้ทรงสดับข่าวก็ตาม.

ฝนโบกขรพรรษนั้นเป็นเหมือนน้ำฝนที่ตกลงบนใบบัว ด้วยประการฉะนี้ ในกาลนั้น กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ก็กลับฟื้นพระองค์ มหาชนทราบความมหัศจรรย์ว่า ฝนโบกขรพรรษตก ณ สมาคมพระญาติแห่งพระมหาสัตว์ และแผ่นดินไหว. ได้ยินว่า พระนางมัทรีทรงคร่ำครวญด้วยพระสุรเสียงอันดัง พระกายสั่นถึงวิสัญญีภาพล้มลงเหยียดยาวเหนือปฐพี. ฝ่ายพระชาลีและพระกัณหาก็เสด็จมาโดยเร็วถึงพระชนนี ก็ถึงวิสัญญีภาพล้มลงทับพระมารดา.

เหตุการณ์ ใน กัณฑ์ ใด ที่ พระอินทร์ บันดาล ให้ ฝน โบกขรพรรษ ตกลง มา

ขอพระองค์จงรับเศวตฉัตร อันเป็นของมีอยู่แห่งราชสกุล. บทว่า อนิทฺธินํ ความว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ความเข็ญใจย่อมฝึกคนจนที่เข็ญใจ และความเข็ญใจนั้นย่อมฝึก คือทำให้หมดพยศ เหมือนนายสารถีผู้ฉลาดฝึกม้า ฉะนั้น หม่อมฉันทั้งหลายอยู่ในที่นี้เป็นผู้เข็ญใจอันความเข็ญใจฝึกแล้ว คือทำให้หมดพยศแล้ว ความเข็ญใจนั่นแหละฝึกหม่อมฉันทั้งหลาย. ปาฐะว่า ทเมถ โน ดังนี้ก็มี ความว่า ฝึกหม่อมฉันทั้งหลายแล้ว.

บทว่า ปสฺส ทุพฺพลฆาตกํ ความว่า พระเวสสันดรทรงคร่ำครวญเพราะมรณภัยด้วยประการฉะนี้. บทว่า ปญฺชลิกา ความว่า ชาวพระนคร ชาวนิคมและชาวชนบททั้งหมด ต่างประคองอัญชลี. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยาทิสิ กีทิสา ความว่า เป็นความเป็นอยู่ต่ำอย่างใดอย่างหนึ่ง.

บทความล่าสุด