ล่าสุดผู้ ที่ เผยแผ่ ศาสนา พุทธ ให้ แพร่หลาย ใน ดิน แดน สุวรรณภูมิ คือ...

ผู้ ที่ เผยแผ่ ศาสนา พุทธ ให้ แพร่หลาย ใน ดิน แดน สุวรรณภูมิ คือ บุคคล ใด

ต้องอ่าน

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งประเพณีปฏิบัติเคียงคู่ไปกับการนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์นั่นคือ แห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ มี ๒ วัน คือ วันแรกลอยกระทง คือ วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๒๑.๓๐ น. ผู้คนจึงได้ร่วมแรงร่วมใจนำผ้ากาสาวพัสตร์ต่อกันเป็นผืนยาว จัดเป็นขบวนแห่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ช่วยกันจับขึงไว้บนบ่าทั้งผืนด้วยแรงสามัคคี ขบวนแห่ผ้าห่มจะเดินเวียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ๓ รอบ แล้วจึงนำขึ้นไปห่มพันรอบองค์พระปฐมเจดีย์ที่บริเวณเสาหานส่วนคอของพระปฐมเจดีย์ ส่วนวันสุดท้ายจะห่มรอบฐานองค์พระปฐมเจดีย์ ในคืนวันศุกร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๒๑.๓๐ น. พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล และเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เป็นประธานให้โอวาทแก่ คณะพระธุดงค์จากประเทศไทย ก่อนออกเดินธุดงค์ “ตามรอยบาทพระศาสดาพุทธภูมิ-อินเดีย-เนปาล” ไปยัง four สังเวชนียสถาน ที่สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ภายในวัดไทยพุทธคยา. โรคประจำตัวของท่านพุทธทาสซึ่งเป็นมาตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี คือโรคท้องผูกและริดสีดวง ท่านเล่าว่าสมัยหนุ่ม ๆ ไม่มีล้มเจ็บหนักอย่างมากเป็นไข้มาเลเรีย ๒-๓ วัน แต่ตอนหลัง ๆ เป็นหวัดแค่ ๒-๓ วัน ก็เรียกว่าเจ็บหนักแล้ว ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ท่านเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาปี พ.ศ.

ผู้ ที่ เผยแผ่ ศาสนา พุทธ ให้ แพร่หลาย ใน ดิน แดน สุวรรณภูมิ คือ บุคคล ใด

๓๔ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. ๓๒ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. ๓๐ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. ๒๘ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. ๒๖ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. ๒๔ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ.

จากพุทธภูมิสู่สุวรรณภูมิ: พุทธศาสนาเข้ามาสู่เมืองไทยได้อย่างไร

๔ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. ๒ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ. พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน, 2539 หน้า 20-24. ในห้อง ‘วิทยาศาสตร์ทางจิต – ลึกลับ’ ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 7 มิถุนายน 2010. พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ). มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาศิลปศาสตร์, 2539.

  • ๓๘ ประวัติความสําคัญของการเผยแผพระพทธศาสนา [กช.ผพ.
  • กรุงเทพฯ มูลนิธิโกมลคีมทอง.
  • 2) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
  • อานุภาพภาวนา “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ. ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ. สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ.”
  • 14) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

15) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม 10. มรรคมีองค์ 8, 2539 หน้า 348. 14) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม 19.

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

พระราชธรรมนิเทศ,(ระแบบ ฐิตญาโณ). มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ชาวอินเดียมาร่วมกราบอนุโมทนาบุญกับคณะพระธุดงค์จากประเทศไทย ตลอดเส้นทางตามรอยบาทพระศาสดาไปยังสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา. นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมพวกเราชาวต่างชาติถึงมาที่นี่ ประเทศไทย เมืองแห่งพุทธศาสนา… ชาวอินเดียรอใส่บาตรคณะพระธุดงค์จากประเทศไทย ที่เดินตามรอยบาทพระศาสดาสู่สังเวชนียสถาน ด้วยความปลาบปลื้มดีใจ.

11) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพุทธศาสนาในอาเซีย. พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต).

ผู้ ที่ เผยแผ่ ศาสนา พุทธ ให้ แพร่หลาย ใน ดิน แดน สุวรรณภูมิ คือ บุคคล ใด

๒๕๒๗ เข้ารับการรักษาด้วยอาการเจ็บที่สมองที่โรงพยาบาลศิริราช ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ มีอาการอาพาธกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ มีอาการหัวใจวายและน้ำท่วมปอด วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.

หลักการที่ Three หลักคติโพธิสัตว์

อริยสัจ four, 2539 หน้า 528. 12) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระสุตตันยปิฎก มัชฌิมนิกาย เล่ม thirteen. มหาจัตตารีสกสูตร, 2539 หน้า 342. 9) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

ผู้ ที่ เผยแผ่ ศาสนา พุทธ ให้ แพร่หลาย ใน ดิน แดน สุวรรณภูมิ คือ บุคคล ใด

4) วชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า, กรมพระยา. พุทธานุพุทธประวัติ, 2526 หน้า 6-44. นายปองพล อดิเรกสาร เป็นประธานปิดโครงการ “เดินตามรอยบาทพระศาสดา” ที่วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี จ.สมุทรปราการ อย่างเป็นทางการ. 17) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

ผู้ ที่ เผยแผ่ ศาสนา พุทธ ให้ แพร่หลาย ใน ดิน แดน สุวรรณภูมิ คือ บุคคล ใด

พระประวัติ ปวตฺโต หัวหน้าคณะพระธุดงค์จากไทย ร่วมปฏิบัติธรรมภายในมหาเจดีย์พุทธคยา (จำลอง) ที่วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี จ.สมุทรปราการ. พระครูนรนาถเจติยาภิรักษ์ (สมพงศ์) ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย นำคณะพระธุดงค์เจริญพระพุทธมนต์ที่สถูปเกสรียา จ.จัมปารัน รัฐพิหาร. พระราชธรรมนิเทศ, (ระแบบ ฐิตญาโณ). ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา. มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖.

ชาวไทยได้มีโอกาสใส่บาตรแรกแก่คณะพระธุดงค์ ที่เริ่มปฏิบัติธรรม ณ วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี ก่อนคณะพระธุดงค์ออกเดินทางไปยังแผ่นดินพุทธภูมิ. คณะพระธุดงค์จากประเทศไทย เดินผ่านหมู่บ้านในชนบทถิ่นห่างไกล เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และให้พรแก่ชาวบ้านที่มาร่วมอนุโมทนาบุญ. ที่มาของ “ของกูๆ” ตามเสียงร้องและพระนำไปสอนเป็นปริศนาธรรม แสดงว่าเสียงร้องของนกเขา สอดคล้องกับเสียงในภาษาไทย คือ กู หาก ชาวเมืองสาวัตถีมีคำว่า “กู” ที่มีความหมายว่า “เรา – ข้า ” ก็แสดงว่าเมืองสาวัตถีไม่ได้อยู่ที่อินเดีย เพราะที่อินเดียคำว่า กูหรือคู(เสียงร้องของนกเขา) มิได้มีความหมายว่า เรา–ข้าฯ เลย .. คณะพระธุดงค์จากประเทศไทย เดินธุดงค์ไปยังสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ภายในเมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย โดยเดินข้ามแม่น้ำเนรัญชรา บริเวณจุดที่น้ำแห้งไปยังบ้านนางสุชาดา.

นอกจากนี้ท่านยังกล่าวอีกว่า …”มันไม่มีแบบอะไรที่ตายตัวเอาตามสบายอย่างง่ายที่สุด อย่าให้มันมีปัญหาก็แล้วกัน ไปจำกัดตายตัวอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งบ้าใหญ่ อย่าไปรู้ไปชี้มันมากนักแหละดี”…. ซึ่ง มีอย่างน้อย four แห่งที่ยืนยันว่าอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ คือ ที่สุวรรณบรรพต คือพระพุทธบาทสระบรุี ที่เมืองโยนกบุรี คือพระพุทธบาทตากผ้าที่ลำพูน เขาสุวรรณมาลิก(พระพุทธบาทที่เมืองลังกาพะโค วัดหลวงปู่ทวด ภาคใต้ของไทย) ยอดเขาสุมนะกูฏ (ตามศิลาจารุกหลักที่ eight หน้า four ที่ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร แปลไว้ ระบุว่า พระเจ้าลิไทย “…พาบริวารไปนมัสการพระบาทลักษณ์ บนยอดเขาสมนกูฏ…” ซึ่งสันนิษฐานว่า เป็นเขาสมอแครงในจังหวัดพิษณุโลกเพราะเป็นยอดเขาเพียงแห่งเดียวในละแวกนั้นที่มีพระพุทธบาทจริง ไม่ใช่จำลอง แต่ชาวพุทธทั่วไปเข้าใจว่าเป็นเขาสมนกูฏ ที่อยู่ใกล้เมืองอนุราชปุระในศรีลังกา) และ ที่แม่น้ำชื่อนัมทานที (สันนิษฐานว่า เป็นพุทธบาทที่เขาตะเกียบ หัวหิน ซึ่งอยู่ใกล้สุนาปรันต คือสวนปราณหรือปราณบุรี). ทรงปลูกฝังพระพุทธศาสนามหายานลงมั่นคงในราชอาณาจักร และทรงส่งพระธรรมทูตออกเผยแพร่ไปยังนานาประเทศ คณาจารย์ผู้วางรากฐานของมหายานอย่างชัดเจน ได้แก่ พระอัศวโฆษ พระนาคารชุน พระอารยะเทวะ พระวสุพันธุ พระธรรมกีรติ ศานตรักษิตะ โดย เฉพาะคุรุนาคารชุน(ราว ค.ศ. ตามที่กล่าวแล้วว่าท่านพุทธทาสตั้งใจจะบวชเรียนตามประเพณีเพียง ๓ เดือนเท่านั้น แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตเป็นพระแล้วความยินดีในกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการเอาอกเอาใจจากพุทธบริษัทรอบข้าง ทำให้ท่านพุทธทาสไม่มีความคิดที่จะลาสิกขาออกมาครองเพศฆราวาสอีกต่อไป รวมทั้งพระภิกษุในวัดหลายรูปเห็นว่าท่านพุทธทาสเรียนหนังสือเก่งและเทศน์ดี จึงสนับสนุนให้ท่านอยู่ที่วัดต่อไป เพื่อเป็นกำลังในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา เล่ากันว่าเจ้าคณะอำเภอเคยถามท่านพุทธทาสว่ามีความคิดเห็นอย่างไรในการใช้ชีวิต ท่านตอบว่า……” เมื่อท่านอายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้เข้าสู่ผ้ากาสาวพัสตร์ (บวช) เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๖๙ ที่วัดอุบลหรือวัดนอก ก่อนจะย้ายมาประจำอยู่ที่วัดพุมเรียง โดยมีพระอุปัชฌาย์คือพระครูโสภณเจตสิการาม (คง วิมาโล) รองเจ้าคณะเมืองในสมัยนั้น และมีพระปลัดทุ่ม อินทโชโต เจ้าอาวาสวัดอุบล และพระครูศักดิ์ ธมฺรกฺขิตฺโต เจ้าอาวาสวัดวินัย หรือวัดหัวคู เป็นพระคู่สวด ท่านพุทธทาสได้รับฉายาว่า อินฺทปญฺโญ ซึ่งแปลว่าผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ การบวชของท่านพุทธทาสเป็นไปตามธรรมเนียมประเพณี และท่านเองไม่คิดที่จะบวชแบบไม่สึก ดังที่ท่านปัญญานันทภิกขุ อ้างถึงคำพูดของท่านพุทธทาสภิกขุก่อนที่จะบวชไว้ว่า…“เรื่องบัญชี บัญน้ำ เก็บไว้ก่อน เมื่อสึกออกมาแล้วค่อยมาทำต่ออีก”……

บทความล่าสุด