“ผมเชื่อว่าถ้าพืชถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงจริงๆ มันจะเกิดจากแยกตัวของการปลูกจะไม่เกี่ยวกัน สังเกตจากตอนนี้ อ้อย น้ำตาลในสหรัฐฯ ในบราซิล ชนิดนำมาบริโภคกับนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงก็ไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่าอย่างปาล์มก็คงไม่เหมือนกัน น้ำมันปาล์มที่เราใช้บริโภคคุณภาพดีเกินไป ควรหาปาล์มต้นทุนต่ำกว่านี้ ทำให้ถูกที่สุด… พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.วิวาหพระสมุท, หน้า ๒๐๑ – ๒๐๒. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านทรัพยากรธรรมชาติและ อพ.สธ. “…คนเราทำอะไรต้องมีความเพียร แม้ไม่เห็นฝั่งก็ต้องว่ายน้ำและมีคำตอบอยู่ว่ามีประโยชน์อย่างไร เพราะถ้าหากไม่เพียรที่จะว่ายน้ำเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน ก็จะไม่พบเทวดา คนอื่นไม่มีความเพียรที่จะว่ายน้ำ ก็จมเป็นอาหารของปลา ของเต่า เพราะฉะนั้น ความเพียรแม้จะไม่ทราบว่าจะมีถึงฝั่งเมื่อไร ก็ต้องเพียรว่ายน้ำต่อไป…” “…ความเข้มแข็งในจิตใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องฝึกฝนแต่เล็กเพราะว่าต่อไป ถ้ามีชีวิตที่ลำบาก ไปประสบอุปสรรคใดๆ ถ้าไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความรู้ ไม่มีทางที่จะผ่านอุปสรรคนั้นได้ เพราะว่าถ้าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเราได้แต่ถ้ามีความรู้ มีอัธยาศัยที่ดี และมีความเข้มแข็ง ในกาย ในใจ ก็สามารถที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ นั้นได้…” “…เมื่อมีโอกาสและมีงานให้ทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยันซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น…”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเกษมสำราญ และทรงมีความสุขทุกคราที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเคยรับสั่งครั้งหนึ่งว่า “…ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น…” ต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัวอย่างเดียวอยู่ไม่รอด ต้องรู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริแก่คนไทยไว้ว่า “…สังคมใดก็ตาม ถ้ามีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน สังคมนั้นย่อมเต็มไปด้วยไมตรีจิต มิตรภาพ มีความร่มเย็นเป็นสุข น่าอยู่…” ควรให้การสนับสนุนส่งเสริมผู้ปฏิบัติงาน เพราะคนดี คนเก่ง จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาความเจริญในด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ดังพระราชดำรัสที่ว่า “…ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากอยู่แต่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…” “การปลูกป่าทดแทนจะต้องทำอย่างมีแผน โดยดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาชาวเขา ในการนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชลประทาน และฝ่ายเกษตรจะต้องร่วมกันสำรวจต้นน้ำและพัฒนาอาชีพราษฎรได้อย่างถูกต้อง สำหรับต้นไม้ที่จะปลูกทดแทนไม้ที่ถูกทำลายนั้น ควรใช้ต้นไม้โตเร็วที่มีประโยชน์หลายๆ ทางคละกันไป และควรปลูกพืชคลุมแนวร่องน้ำต่างๆ เพื่อยึดผิวดิน และให้เก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้ นอกจากนั้นจะต้องสร้างฝายเล็กเพื่อหนุนน้ำส่งไปตามเหมืองเพื่อไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูก…” ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันที่เคารพเลื่อมใสของชาวไทย อีกทั้งพระบารมีแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นอาทิ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย ให้มีความสุขกายสุขใจ และประสบแต่สิ่งที่พึงปรารถนาตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน.”
ปี ชาตกาล กำพล วัชรพล
“…การรู้จักประมาณตน ได้แก่ การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถด้านไหน เพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้อง เหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้ และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น…” “เรามีบทเรียนจากเอทานอล คงไม่เกิดกรณีอย่างนั้นอีก มันเป็นเรื่องของการจัดการสองด้าน ขณะที่เราส่งเสริมการปลูกพืช ให้มีโรงงานเกิดขึ้นมา เราก็ต้องไปจัดการด้านการจำหน่าย เตรียมหาผู้จำหน่ายรองรับไว้ด้วย ภาครัฐต้องบริหารให้เท่ากัน… “…การนิยมไทย เช่น การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง การปฏิบัติตนตามขนบประเพณีอันดีของไทย การใช้สินค้าไทย การศึกษาและรักษาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย เป็นต้น เป็นวิถีทางสำคัญทางหนึ่งที่จะดำรงความมั่นคงและความเป็นชาติไทยไว้ได้ บัณฑิตเป็นผู้ที่สังคมนิยมยกย่อง จึงควรปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการนิยมไทย…”
งานพัฒนาแหล่งน้ำนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ทรงทำทุกอย่างทุกขั้นตอน ดังที่นายปราโมทย์ ไม้กลัด เล่าให้ ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 5-10 ตุลาคม 2538 ดังนี้ “…งานของพระองค์ท่านมีตั้งแต่ ถ้าน้ำขาดแคลนก็จัดหาน้ำ และ เมื่อน้ำท่วม น้ำมากก็จัดการ บรรเทาให้น้อยลง เมื่อมีน้ำเน่าเสีย ก็ต้องมีการจัดการทำงานด้านน้ำทั้งหมด ท่านจะทราบปัญหาอย่าง ละเอียด. 2493 ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณในพระบรมมหาราชวัง ภายหลังจากพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกแล้วได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทำการรักษาพระสุขภาพอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตามคำแนะนำของแพทย์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ และทรงนิวัตกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. “…ประเทศบ้านเมืองจะวัฒนาถาวรอยู่ได้ ก็ย่อมอาศัยความสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐาน ท่านทั้งหลายจะออกไปรับราชการก็ดี หรือประกอบกิจการงานส่วนตัวก็ดี ขอให้มั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง 3 ประการคือ สุจริตต่อบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ท่านจึงจะเป็นผู้ที่ควรแก่การสรรเสริญของมวลชนทั่วไป…” จำได้ว่าเริ่มมีข่าวโครงการพระราชดำริแล้ว ในขณะที่รัฐบาลยังไม่คิดกันเลย เพราะคิดแต่ว่าราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงเพราะการเมือง ทุกคนคิดว่าเดี๋ยวเลิกรบราคาก็ถูกลงเอง ปี ๒๕๒๘-๒๕๒๙ ราคาถูกลง ทุกคนก็สบายใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ตอนนั้นก็โครงการพระราชดำริเรื่องเอทานอลและ ไบโอดีเซลก็มีการวิจัยทดลองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลเพิ่งจะมามองเรื่องนี้ช่วงปี ๒๕๔๐ ถ้าจำไม่ผิดเป็นเรื่องของพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์มขายไม่ออก ถึงได้เริ่มหันมามองว่าเอามาเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไหน…
พระราชประวัติ
“…การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย…” “…การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจและความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยาก และเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว…” “…ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์ ที่จะยกหนังสือนี้ เป็นตำรับตำราอย่างใดเลย ประสงค์แต่จะตั้งโครงพอเป็นรูปขึ้นไว้ทีหนึ่ง เพื่อผู้ที่มีความรู้ และพอใจในการตรวจค้นโบราณคดีต่างๆ จะได้ตกแต่งแต้มเติมให้เป็นรูปอันงดงามดีขึ้น…”
- ทรงเอาใจใส่ความอยู่ดีมีสุขของปวงพสกนิกร ครั้งหนึ่งในหลวงเคยมีพระราชดำรัสตอบกลับราษฎรที่กราบบังคมทูลว่าห่วงใยความปลอดภัยในการประกอบพระราชกรณียกิจของพระองค์ว่า…
- “…การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย…”
- “…พอเพียงนี้ความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือคำว่าพอ ก็เพียงพอ เพียงนี้ก็พอดังนั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียงหมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข…”
- “…ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์ ที่จะยกหนังสือนี้ เป็นตำรับตำราอย่างใดเลย ประสงค์แต่จะตั้งโครงพอเป็นรูปขึ้นไว้ทีหนึ่ง เพื่อผู้ที่มีความรู้ และพอใจในการตรวจค้นโบราณคดีต่างๆ จะได้ตกแต่งแต้มเติมให้เป็นรูปอันงดงามดีขึ้น…”
- “…หลายสิบปีก่อนนี้ เสด็จฯไปเยี่ยมประชาชนทุกภาคของประเทศ ทรงขับรถเอง หนทางก็เรียกว่า กันดารไม่ใช่น้อย บางครั้งก็ทรงขับรถข้ามแม่น้ำ นี่เป็นจังหวัดนราธิวาส ทรงขับรถ เพื่อไปดูให้เห็นจริงจัง ถึงการอยู่กินของราษฎรตามเขตชายแดนต่างๆ แต่พระองค์ท่านก็ยังทรงติดตามงานต่างๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องฝน เรื่องปริมาณน้ำในเขื่อน ทรงห่วงประชาชนมาก เกรงว่าจะมีน้ำท่วมอีก ถ้าพอจะหาแนวทางอะไรช่วยป้องกันได้ ก็จะมีพระราชดำริให้เตรียมการกันเอาไว้ก่อน…”
- “…ประเทศบ้านเมืองจะวัฒนาถาวรอยู่ได้ ก็ย่อมอาศัยความสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐาน ท่านทั้งหลายจะออกไปรับราชการก็ดี หรือประกอบกิจการงานส่วนตัวก็ดี ขอให้มั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง 3 ประการคือ สุจริตต่อบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ท่านจึงจะเป็นผู้ที่ควรแก่การสรรเสริญของมวลชนทั่วไป…”
นอกจากนั้นเมื่อรัฐบาลเริ่มพัฒนาโครงการนี้อย่างจริงจัง คนไทยก็เชื่อว่ามันทำได้ เพราะโครงการส่วนพระองค์ทดลองใช้มานานแล้ว ผมว่ารัฐบาลได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ตนเองมาส่งเสริม ไม่ต้องพูดมาก กระแสยอมรับมีอยู่แล้ว ประเทศเพื่อนบ้านเรายังติดขัดกันอยู่เลย เพราะประชาชนไม่เชื่อว่าใช้แล้วรถไม่พัง การที่เรามีองค์ความรู้ต่อเนื่องกันมามีส่วนส่งเสริมกับภาวการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน… “…พระองค์ท่านทรงห่วงใยประชาชนที่ยากลำบาก เช่น ชาวเขา ชาวบ้านในชนบท ที่ยังขาดปัจจัยด้านน้ำและไฟฟ้า ทรงมีพระราชดำริให้มีการสร้างฝายเล็ก ๆ ขึ้น เพราะ “น้ำ”เป็นปัจจัยที่จำเป็นด้านอุปโภคบริโภค “ไฟฟ้า”เองก็มีใช้กันในเมือง แต่ชนบทยังขาดแคลน ทรงเห็นว่าน่าจะใช้น้ำไปเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเล็ก ๆ เพื่อให้ชาวบ้านในชนบท ได้มีไฟฟ้าใช้ กฟผ.นำแนวพระราชดำริมาพัฒนาจัดทำเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ… พระองค์ทรงตอบว่า “พระองค์ไม่สนใจว่าคนจะจดจำพระองค์อย่างไร แต่หากอยากจะเขียนถึงพระองค์ในแง่ดี ก็ให้เขียนว่าอะไรที่ทรงทำแล้วเป็นประโยชน์ ซึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับพระองค์ก็คือการทำประโยชน์ให้กับผู้คนโดยเฉพาะคนยากจน หนทางเดียวที่จะรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์สำหรับผู้คนและทำให้เข้าใจปัญหาก็คือการเดินทางไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลและยากจน เพื่อพบเจอและพูดคุยกับประชาชนที่ยากไร้ และเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการตัวเล็กๆ ทรงกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาที่พบเจอและสนับสนุนให้คนไทยทำแบบเดียวกัน..” “ท่อปู่พระยาร่วง” เป็นคลองชลประทาน ปรากฏนามในจารึก พ.ศ.๒๐๕๓ บนฐานเทวรูปพระอิศวร พบที่เมืองโบราณกำแพงเพชร ปัจจุบันเทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดกำแพงเพชร ความตอนหนึ่งกล่าวว่า”…อนึ่งท่อปู่พระยาร่วงทำเอาน้ำไปเถิงบางพานนั้นก็ถมหายสิ้นและเขาย่อมทำนาทองฟ้าและหาท่อนั้นพบกระทำท่อเอาน้ำไปเลี้ยงนาให้เป็นนาเหมืองนาฝายมิได้เป็นนาทาฟ้า อันทำทั้งนี้ ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จบพิตรพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์…”
เรื่องเล่าจากองคมนตรี “พระมหากษัตริย์ ผู้ให้”
“…การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ…” “ไม่เคยนึกกลัว…เพราะรู้ว่ามีคนห่วง..เอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลา…” สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. อาคารผันน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กแบบ ๒ ช่อง ขนาด ๗.๐๐ x ๙.๐๐ เมตร และ ๖.๐๐ x ๙.๐๐ เมตร สามารถระบายน้ำได้ ๗๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที (Return Period ๒๐ ปี) โดยมีระดับธรณี +๒๗.๐๐ ม.รทก. แต่ฝ่ายผู้มีชื่อ ๓ คนที่ได้ลงโทษชั้นที่๒ กับผู้มีชื่อ ๒๐ คนที่ได้ลงโทษชั้นที่ ๓ รวมทั้งสิ้นเป็น ๒๓ คนด้วยกันดังกล่าวข้างต้นนั้น ให้ถอดจากตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ตามอย่างธรรมเนียมซึ่งเคยมีมากับโทษเช่นนั้น……” ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.
ศุนยศ์ ึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อำเภอเมือง จงั หวดั นราธิวาส เรม่ิ กอ่ ตง้ั เม่ือ พ.ศ. เรียนประวัติศาสตร์ชาติไทย แบบสั้นๆ เข้าใจง่าย ไม่กี่นาทีกับประวัติกรุงรัตนโกสินทร์ ว่าก่อนที่เราจะมีแผ่นดินที่สมบูรณ์เป็นปึกแผ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ บรรพบุรุษของเรา ได้เสียสละอะไรเพื่อประเทศไทยไปบ้าง… “…ยืนบนขาของตัวเอง (ซึ่งแปลว่าพึ่งตนเอง) หมายความว่าสองขาของเรานี่ ยืนบนพื้นให้อยู่ได้ไม่หกล้ม ไม่ต้องไปขอยืมขาของคนอื่นมาใช้สำหรับยืน…” “…การเข้าใจถึงสถานการณ์ของผู้ที่เราจะช่วยเหลือนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การช่วยเหลือให้เขาได้รับสิ่งที่เขาควรจะได้รับตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม จะเป็นการช่วยเหลือที่ได้ผลที่สุด… อีกประการหนึ่งในการช่วยเหลือนั้น ควรยึดหลักสำคัญว่า เราจะช่วยเขาเพื่อให้เขาสามารถช่วยตนเองได้ต่อไป…”
ข้อสำคัญอยู่ที่ทุก ๆ คนจะต้องเตรียมกาย..เตรียมใจ..และเตรียมการไว้ให้พร้อมทุกเวลา เพื่อเผชิญและแก้ไขความไม่ปกติเดือดร้อนนั้น… “…คนที่เข้าถึงพื้นที่ได้ ย่อมมีโอกาสทำงานสำเร็จ…” เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามมาเป็นไทย และในภาษาอังกฤษ ก็ให้เปลี่ยนจาก Siam เป็น Thailand.
“…ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใด ที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าเข้าเข้าของ ให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆ ทรงครองแผ่นดิน แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรงครองใจคน…” พระองค์ทรงดูแลทุกข์สุขของประชาชนที่ขาดปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ในยามปกติจะทรงขอทราบข้อมูลเรื่องน้ำในเขื่อนเป็นประจำ ดูเรื่องน้ำที่จะใช้อุปโภคบริโภค รวมถึงในยามที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยก็มีโครงการตามพระราชดำริต่าง ๆ เช่น โครงการแก้มลิง ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน… พระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยให้พ้นไปจากเด็กน้อยผู้นั้น คงไว้แต่ความปลื้มปิติที่ท่วมท้นในใจแก่เด็กผู้นั้นตลอดไป พระองค์ท่านทรงใกล้ชิดประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์แต่อย่างใด … “ประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๔ เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในอิหร่าน มีการสู้รบกัน น้ำมันขาดแคลนและราคาพุ่งสูงมาก ประเทศไทยตอนนั้นยังพึ่งพาน้ำมันยิ่งกว่าตอนนี้อีก ก๊าซธรรมชาติก็ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาใช้ ช่วงนั้นลำบากมากเรื่องราคาน้ำมัน… ทรงเอาใจใส่ความอยู่ดีมีสุขของปวงพสกนิกร ครั้งหนึ่งในหลวงเคยมีพระราชดำรัสตอบกลับราษฎรที่กราบบังคมทูลว่าห่วงใยความปลอดภัยในการประกอบพระราชกรณียกิจของพระองค์ว่า… “…ในการปฏิบัติงานนั้น ย่อมมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูนลุกลามจนแก้ยาก ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้หลายๆคนหลายๆทาง ด้วยความร่วมมือปรองดองกัน…”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช กับการศึกษาไทย, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2530. และภาพที่ทุกคนต่างสำนึกในพระจริยวัตรอันงดงาม ที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อพสกนิกรของพระองค์ก็คือ…ทรงประทับนั่งพับเพียบ หรือประทับนั่งราบกับพื้นดิน โดยไม่เคยที่จะทรงถือพระองค์เลย… “…ความสามัคคีและความถือตัวว่าเป็นไทยนี้ เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด เพราะเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารวมกันอยู่ได้ ให้เราดำรงชาติ ประเทศและเอกราชสืบมาได้ ทุกคนควรจะได้พยายามรักษาความเป็นไทย และความสามัคคีนี้ไว้ให้มั่นคงในที่ทุกแห่ง อย่ายอมให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาทำลายได้…” การก่อตั้งอาณาสุโขทัยเป็นอาณาถือเอาการที่พ่อขุนผาเมือง และพ่อขุนบางกลางหาวร่วมกันกำจัดศัตรูและยึดเมืองสุโขทัยไว้ได้ โดยพ่อขุนบางกลางหาวได้เป็นกษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ตั้งราชวงศ์ใหม่เฉลิมพระนามเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เมื่อประมาณพ.ศ. “…ความพอพระราชหฤทัยของพระราชาอยู่ที่ว่า แต่ ละคนจะทำหน้าที่ของตัวด้วยความตั้งใจ มีความคิดพิจารณาที่รอบคอบ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง กัน ส่งเสริมความสามัคคี และปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม…” “…ถ้าเราสามารถร่วมกันจัดระบบได้ดี คน กับ ป่า ก็คงจะอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ต้องทำลายซึ่งกันและกัน และแผ่นดินที่เสื่อมโทรมผืนนี้ ก็จะกลับคืนมาเป็นประโยชน์มหาศาลแก่พวกเรา…”
หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีมากมาย ซึ่งปวงชนชาวไทยสามารถน้อมนำไปปฏิบัติในวาระและโอกาสต่างๆตามความเหมาะสม เช่น …. พระราชดำรัสมา ณ ที่นี้คือ”…การรักษาความสมบูรณ์ แข็งแรงของร่างกายเป็นปัจจัยของ เศรษฐกิจที่ดี และสังคมที่มั่นคงเพราะร่างกายที่แข็งแรงนั้น โดยปกติจะอำนวยผลให้สุขภาพจิตใจสมบูรณ์ และเมื่อมีสุขภาพ สมบูรณ์ดี พร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจแล้ว ย่อมมีกำลังทำประ โยชน์ สร้างสรรเศรษฐกิจและสังคมของบ้านเมืองได้เต็มที่ ทั้งไม่ เป็นภาระแก่สังคมด้วย คือเป็นผู้แต่งสร้างมิใช่ผู้ถ่วงความ เจริญ…” “…การปฏิบัติงานทุกอย่างของข้าราชการ มีผลเกี่ยวเนื่องถึงประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่ข้าราชการทุกคนจะต้องทำหน้าที่ทุกๆ ประการให้ บริสุทธิ์ บริบูรณ์โดยเต็มกำลังสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ เพื่อผลการปฏิบัติราชการทุกอย่างจักได้บรรลุความสำเร็จอย่างสูง และบังเกิดประโยชน์อย่างดีที่สุดแก่ตนเอง แก่หน้าที่และแก่แผ่นดิน…”