หรือ ศาสนาฮินดูอยู่ร่วมกับ พุทธศาสนาในชมพูทวีปมานานนับพันปี (ด้วยพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในปริมณฑลแห่งนี้ร่วม 2,500 ปี) แล้ว อารยธรรมก็ไหลเลื่อนเข้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ทั้งทางบกและทางน้ำ ตั้งแต่อาณาจักรตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) โดยเชิญพระสงฆ์ที่มีความสำคัญ เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาจากอินเดีย… สำหรับประวัติศาสตร์และรูปแบบที่นิยมในการสร้างให้มีหลายพระกรและสี่พระกรเป็นหนึ่งในรูปแบบมาตรฐาน ดูที่ Krishan 1999, p. 89. นอกจากนี้…ยังได้จัดในชั้นย่อยลงไปอีก อาทิ เทพเจ้าในแง่นามธรรม เช่น พระสาวิต (พระอาทิตย์) พระอทิติ พระประชาบดี (เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ในสรรพชีวิตทั้งมวล ภายหลังความนิยมในเทพองค์นี้ได้ลดท่าล่าถอยลงไป)….. พระทวารกลางเป็นซุ้มมณฑป บานพระทวารประดับมุกมีความงดงามที่สุด เป็นฝีมือช่างสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ นำมาจากวัดบรมพุทธาราม จ. ชาวอินเดียจะยึดถือเรื่องวรรณะกันมาก ถ้าใครแต่งงานกันต่างวรรณะ ลูกออกมาจะเป็นพวกจัณฑาล ซึ่งเป็นคนชั้นต่ำสุดที่สังคมรังเกียจ ส่วนวรรณะพราหมณ์ที่ถือว่าเป็นวรรณะสูงสุดเพราะเขาถือว่าพราหมณ์เกิดมาจากพรหม. เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ในปี พ.
ตามประวัติกล่าวว่า ได้พบพระแก้วมรกตครั้งแรกที่เมืองเชียงราย ในปีพ.
นอกอินเดียและศาสนาฮินดู
เคยประทับให้ราชทูตหัวเมืองทวายเข้าเฝ้าเพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสยามเทวาธิราชมาประดิษฐานภายในพระที่นั่งบุษบกมาลา เพื่อประกอบพระราชพิธีสังเวยเป็นประจำทุกวัน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จฯ ออกประทับให้ผู้ที่ไม่มีตำแหน่งเฝ้าในพระมหาปราสาท ได้เข้าเฝ้าฯ และถือน้ำพิพัฒน์สัตยาในวันบรมราชาภิเษกสมโภช ปี พ. หลักปฏิบัติของศาสนาฮินดูนั้นก็มีหลักศีลธรรมอยู่มากมาย แต่เน้นไปที่การบูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือ และยังมีความอดทนที่จะรับความทุกข์ยากโดยไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข เพราะถือว่านี่เป็นกรรมของตนหรือเป็นพรหมลิขิตไม่สามารถหลีกหนีได้ ไม่มีใครจะมาช่วยเหลือได้ จึงทำให้เกิดความนิ่งดูดายหรือใจดำไม่ค่อยจะมีใครช่วยเหลือใคร เพราะถือว่าเป็นกรรมของเขาเองที่ทำไว้ในชาติก่อน ส่วนคนที่ไปช่วยก็ช่วยเพราะอยากให้ตนมีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ได้ช่วยเพราะความสงสารอย่างแท้จริง. ตอน ตอนหน้าเป็นหลังคาจั่วมุงกระเบื้องดินเผา ตอนหลังเป็นหลังคายอดปรางค์ประดับกระเบื้องถ้วย ภายในประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางขอฝน พระหัตถ์ขวากวักเรียกเมล็ดฝน พระหัตถ์ซ้ายรองรับเมล็ดฝน พระพุทธรูปองค์นี้ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นในปี พ. โดยมีพระราชประสงค์จะอัญเชิญพระแก้วมรกตจากพระอุโบสถมาประดิษฐานไว้ที่หอพระนี้ แต่เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ปรากฎว่ามีขนาดเล็กเกินไป ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญเจดีย์กาไหล่ทองขนาดเล็ก จากสวนศิวาลัยภายมาประดิษฐานไว้ภายใน แต่ในปี พ. สำหรับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ต่อมาในปี พ.