รุ้ง ปนัสยา คือแร็พเปอร์สาวคนแรกของไทย เธอมีเพลงฮิตมากมาย เสียงร้องของเธอโดดเด่นและมีสไตล์การแร็พเป็นเอกลักษณ์
รุ้งเป็นดาวรุ่งวงการเพลงที่น่าจับตามอง นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่กล้าแสดงความคิดเห็น เธอมักเข้าร่วมในการเคลื่อนไหวทางสังคมด้วย
ใครคือรุ้ง ปนัสยา
รุ้ง ปนัสยา หรือ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็น ศิลปินแร็พหญิงคนแรกของเมืองไทย เธอมีเสียงร้องและสไตล์การแร็พที่โดดเด่น รุ้งสร้างกระแสในวงการเพลงไทยและการเมืองปี 2563
การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ แร็พเปอร์สาว สร้างความกังวลให้ครอบครัว แต่พวกเขาก็เข้าใจและสนับสนุนในที่สุด เมธาวี พี่สาวช่วยเป็นสื่อกลางระหว่างรุ้งกับพ่อแม่
รุ้งผลักดันการอภิปรายเรื่องประชาธิปไตยและการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ความคิดเห็นของเธอแตกต่างจากครอบครัว แต่พวกเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของเธอ
รุ้ง ปนัสยาเป็นดาวรุ่งวงการเพลงที่มีพรสวรรค์ เธอริเริ่มการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง ท่ามกลางความท้าทายจากครอบครัวและสังคม
แนวโน้มความสนใจผู้คนในรุ้ง ปนัสยา | จำนวน |
---|---|
จดหมายจากโครงการ Write for Rights ในปี 2564 | 2,326 ฉบับ |
ผู้ร่วมแสดงพลังในโครงการฯ | 359,491 คน |
จดหมายจากประเทศไทยในโครงการฯ | 10,313 คน |
กรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่พบ | 3 กรณี |
ระยะเวลาที่รุ้ง ปนัสยาถูกคุมขัง | 17 วัน |
ข้อมูลนี้แสดงถึงกระแสสนับสนุนที่มีต่อ ศิลปินแร็พหญิง รุ้ง ปนัสยา ทั้งด้านดนตรีและการเคลื่อนไหวทางสังคม ผู้คนชื่นชมความสามารถและจุดยืนของเธอ
รุ้ง ปนัสยา ก่อนเข้าสู่การเมือง
ชีวิตวัยเด็กและความใฝ่ฝัน
รุ้ง ปนัสยา หรือ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2541 ปัจจุบันอายุ 25 ปี เธอเป็นนักกิจกรรมการเมืองที่โดดเด่นของไทย ก่อนหน้านี้ เธอเคยฝันอยากเป็นอาชีพอื่น
รุ้งเคยสนใจงานหลายด้าน เช่น การอยากจะเป็นแอนิเมเตอร์, นักวิจัยสังคมวิทยา หรือ ผู้สื่อข่าว แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความสนใจของเธอเปลี่ยนไป เธอหันมาสนใจการเมืองเพื่อปรับปรุงสังคมและสถาบันหลักของประเทศ
รุ้งเล่าว่าชีวิตวัยเด็กของเธอยากลำบาก เธอต้องย้ายออกจากบ้านตอนอายุ 16 ปี การเดินทางไปมหาวิทยาลัยใช้เวลา 3 ชั่วโมง ปัญหาเศรษฐกิจส่งผลต่อการตัดสินใจของเธอ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนใจการเมือง
จุดเปลี่ยนสู่การเมือง
รุ้ง ปนัสยา เข้าสู่วงการเมืองเต็มตัวผ่านกิจกรรมนักศึกษา เธอร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยและปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องอ่อนไหวในสังคมไทย
งานนิทรรศการ “TRUTH TALK” จัดขึ้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2567 เพื่อระลึกถึงการปฏิวัติและก่อตั้งศูนย์คุ้มครองสิทธิมนุษยชน งานนี้พบว่า 10 จาก 25 กรณีเกี่ยวข้องกับมาตรา 112
- ในจำนวน 25 คดีการเมืองที่กล่าวถึง 10 คดีเฉพาะมีความเกี่ยวข้องกับมาตรา 112
- เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ที่แยกราชประสงค์ มีกลุ่มจัดกิจกรรม “ปลดปล่อยนักโทษ – ยกเลิกมาตรา 112” เพื่อเสนอให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากนั้นมีสมาชิกกลุ่มใช้มีดเค้นเลขหมาย “112” บนแขนตน
- เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาว่า การกระทำของบุคคลสามคน รวมถึงบุคคลที่กล่าวถึง (“รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล) เป็นการกระทำโดยมีแรงจูงใจที่จะล้มล้างการปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
รุ้งเกี่ยวข้องกับ 25 คดีการเมือง โดย 10 คดีเป็นเรื่องมาตรา 112 เธอร่วมกิจกรรมเรียกร้องหลายครั้ง สิ่งนี้ผลักดันให้เธอก้าวสู่การเมืองอย่างจริงจัง
การชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”
รุ้ง ปนัสยา แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ เสนอข้อเรียกร้อง 10 ประการในการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ข้อเรียกร้องมุ่งให้สถาบันพระมหากษัตริย์ตรวจสอบได้ และปรับลดงบประมาณอย่างเหมาะสม
ข้อเรียกร้อง 10 ข้อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
- การยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ
- ดำเนินการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
- ทบทวนและลดการใช้งบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เหมาะสม
- ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
- ให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์
- ให้มีการควบคุม ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์
- ให้มีความโปร่งใสในการแต่งตั้งและถอดถอนข้าราชการประจำ
- ให้มีความเป็นอิสระในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
- ให้มีการปฏิรูปสื่อให้มีความเป็นอิสระและเป็นกลาง
- ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
การชุมนุมเมื่อ 10 สิงหาคม 2563 มีผู้เข้าร่วมกว่า 2,500 คน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนและนักศึกษา แกนนำกลุ่มยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการชุมนุม
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แถลงว่าการชุมนุมเกินขอบเขตที่อนุญาต และจะดำเนินมาตรการตามหน้าที่ แต่ผู้ชุมนุมยังคงเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบหลังการชุมนุม
รุ้ง ปนัสยา อ่าน 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เธอถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฎหมายนี้ใช้เฉพาะในประเทศไทย ส่งผลให้เธอถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี
นักกิจกรรมการเมืองไทยหลายคนประสบโศกนาฏกรรมจากการเคลื่อนไหว พวกเขาถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ บางคนถูกจับกุมขังระหว่างพิจารณาคดี
นักกิจกรรม | คดีความ | ผลกระทบ |
---|---|---|
รุ้ง ปนัสยา | กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ | ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี |
นักกิจกรรมการเมืองคนอื่น ๆ | กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ | ถูกดำเนินคดีและคุมขังตัว |
การชุมนุมทางการเมืองในไทยส่งผลกระทบหลายด้าน นอกจากผลทางอารมณ์และจิตใจ ยังมีผลทางกฎหมายต่อผู้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว
รุ้ง ปนัสยา
รุ้ง ปนัสยา มีภาพลักษณ์แข็งกร้าวในการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่อ่อนโยน เธอเป็นน้องคนสุดท้องที่ขี้อ้อนและสนิทกับพี่สาวมาก
คนใกล้ชิดเห็นความกล้าหาญของเธอในการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็มีความอ่อนไหวและอ่อนโยนซ่อนอยู่ สิ่งนี้สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงของรุ้ง ปนัสยา
เธอได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ จากการถูกเลือกเป็นกรณีศึกษาใน Write for Rights 2021 ของอมนุษย์อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย โครงการนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมากมาย
ข้อมูล | จำนวน |
---|---|
จดหมายและข้อความสนับสนุน | 359,491 |
ผู้เข้าร่วมในประเทศไทย | 10,313 |
การเขียนจดหมายและแสดงความสนับสนุนมีความสำคัญมาก ทุกข้อความที่ส่งถึงรุ้ง ปนัสยาแฝงไปด้วยพลังและความหมาย มันเป็นการส่งมอบความรักและกำลังใจอย่างต่อเนื่อง
รุ้ง ปนัสยาเผชิญความท้าทายมากมายในการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ด้วยความอ่อนโยนและความกล้าหาญ เธอก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้นได้ เธอยังคงมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
การถูกคุมขังและอดอาหารประท้วง
ปนัสยา “รุ้ง” ศิธิจิรวัฒนกุล ถูกศาลอาญากรุงเทพฯ สั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว เธอถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะกลัวว่าเธอจะทำผิดซ้ำ
รุ้งจึงตัดสินใจอดอาหารประท้วง เธอต้องการเรียกร้องสิทธิในการได้รับการประกันตัว ในปี 2559 มีคนอย่างน้อย 18 คนอดอาหารเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
ผู้ถูกคุมขัง 6 คนร่วมกิจกรรม “อดพร้อมเพื่อน” เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว ในปี 2565 “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อดอาหาร 37 วัน เธอดื่มแค่น้ำเปล่าและนม
ปี | จำนวนผู้เข้าร่วมการประท้วงอดอาหาร | ระยะเวลาการประท้วง (วัน) |
---|---|---|
2559 | 18 | – |
2564 | 4 | – |
2565 | 1 | 37 |
การคุมขังและการอดอาหารประท้วงเป็นวิธีเรียกร้องสิทธิของนักกิจกรรมและประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการประกันตัว ประเด็นนี้ยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
เพื่อนและอาจารย์ออกมาสนับสนุน
เมื่อ รุ้ง ปนัสยา ถูกคุมขัง เพื่อนสนิทเรียกร้องให้ประกันตัว อาจารย์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ร่วมประกันตัวลูกศิษย์ ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเหลือ รุ้ง ในช่วงเวลายากลำบาก
เพื่อนสนิทรุ้งกลายเป็นแนวหน้า
รุ้ง ปนัสยา ถูกคุมขัง 58 วัน หลังถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 112 เพื่อนสนิท บอล และ คิว ออกมาเรียกร้องให้ประกันตัว
อาจารย์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.จันทร์ทอง ชีระนันทน์ และ ศิริ พระธรรมสินธุ์อารีย์ ร่วมประกันตัวลูกศิษย์ ทุกคนพยายามช่วย รุ้ง ในยามยาก
รุ้ง พร้อมต่อสู้และยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อมั่น แม้ถูกคุมขังนาน เธอไม่ใช่อาชญากร แต่กำลังต่อสู้เพื่อประกันตัว
- รุ้ง กล้าหาญบนเวทีชุมนุม แต่ในชีวิตจริงเป็นคนธรรมดาเหมือนผู้หญิงทั่วไป
- รุ้ง กลัวต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำอีก
- รุ้ง เล่าฝันร้ายเกี่ยวกับเรือนจำให้เพื่อนฟัง กังวลว่าเพื่อนจะทำงานต่อได้หรือไม่หากเธอถูกจับอีก
อาจารย์ประกันตัวลูกศิษย์
รุ้ง ปนัสยา นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกศาลปฏิเสธการประกันตัว อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเดียวกันจึงช่วยเหลือเธอ พวกเขาออกมาเป็นผู้ประกันตัวให้กับรุ้งในยามยาก
อาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผศ.ดร.จันทนี เจริญศรี และ ศิริพร ศรีสินธุ์อุไร เป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งสองคนยื่นมือช่วยเหลือรุ้ง ปนัสยา ในฐานะผู้ประกันตัว
การสนับสนุนของอาจารย์แสดงถึงความรับผิดชอบและห่วงใยต่อนักศึกษา มันยังสะท้อนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การประกันตัวนี้ไม่เพียงแสดงความเอาใจใส่ต่อลูกศิษย์เท่านั้น แต่ยังสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา อาจารย์มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศ
อนาคตของรุ้งหลังได้รับอิสรภาพ
รุ้ง ปนัสยาได้รับอิสรภาพแล้ว แต่การต่อสู้ยังไม่จบ เพื่อนสนิทเชื่อว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของเธอจะกลับมา
รุ้งถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง 58 วัน ศาลปฏิเสธประกันตัวหลายครั้ง แต่รุ้งและเพื่อนยังเรียกร้องสิทธิประชาธิปไตย
คิวและบอลเป็นเพื่อนสนิทของรุ้ง บอลบอกว่ารุ้งใจดีและกล้าหาญ รุ้งมีจุดยืนชัดเจนบนเวที แต่ในชีวิตประจำวันเธอชอบเลี้ยงแมวและน่ารัก
รุ้งกังวลเรื่องการกลับเข้าเรือนจำ เธอกลัวว่าเพื่อนอาจไม่สามารถสู้ต่อได้ อนาคตของรุ้งยังไม่แน่นอนหลังได้รับอิสรภาพ
การต่อสู้ที่ยังไม่สิ้นสุด
รุ้งเชื่อว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะกลับมา เพื่อนสนิทบอกว่า “ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นมีการต่อสู้”
อนาคตของรุ้งอาจเป็นไปได้สองทาง คือมุ่งสู่เป้าหมายเดิม หรือหาทางใหม่เพื่อหนีความยากลำบาก
สรุป
รุ้ง ปนัสยา เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในไทย แม้ถูกคุมขัง เธอยังคงยืนหยัดเรียกร้องสิทธิของตน ความกล้าหาญและมุ่งมั่นของเธอสะท้อนถึงการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง
ปี 2563 เผยให้เห็นความคิดต่างของคนต่างรุ่นเกี่ยวกับสถาบันหลัก รุ้งเป็นที่รู้จักหลังอ่าน 10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่ธรรมศาสตร์ เธอได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนและอาจารย์อย่างกว้างขวาง
รุ้งแสดงให้เห็นถึงพลังของการรวมตัวเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เธอใช้การเขียนจดหมายและการชุมนุมเป็นเครื่องมือสื่อสาร รุ้งเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศ