วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไร

มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงไทย มันถือเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม. ในปี 2560 มีหญิงไทยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกถึง 8,184 คน. และมีอัตราการเสียชีวิตเกิน 50%.

การฉีดวัคซีน HPV สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70%. การฉีดควรทำเมื่อยังไม่มีเพศสัมพันธ์ และอยู่ในวัยที่ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี. นี่คือวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันโรค.

ประโยชน์ของวัคซีน HPV

การฉีดวัคซีน HPV ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก มันช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัสของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หูดหงอนไก่ หรือมะเร็งทวารหนัก เชื้อไวรัส HPV เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ ในผู้หญิงและผู้ชาย

ลดโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูก

ข้อมูลระบาดวิทยาปี 2560 บอกว่า หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูก 8,184 คนต่อปี และมีอัตราเสียชีวิตเกิน 50% วัคซีน Cervarix สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70%

ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ

วัคซีน Gardasil ป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ถึง 95% ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หูดหงอนไก่ และมะเร็งทวารหนัก

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไวรัส HPV

ไวรัส HPV หรือ Human Papillomavirus มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70% ส่วนสายพันธุ์ 6 และ 11 ทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ได้ถึง 90%

คืออะไร และสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

ไวรัส HPV สามารถแพร่กระจายได้หลายวิธี เช่น การสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ มันเข้าไปรบกวนเซลล์ปกติและอาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก

สายพันธุ์ของเชื้อไวรัส HPV

ไวรัส HPV มีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกในไทย ส่วนสายพันธุ์ 6 และ 11 ทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่

การรู้เรื่องไวรัส HPV และสายพันธุ์ต่างๆ ช่วยให้เข้าใจถึงสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก การป้องกันโดยวัคซีนจึงมีความสำคัญ

โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV

ไวรัส HPV ไม่ใช่แค่สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดโรคอื่น ๆ เช่น มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งทวารหนัก หูดที่อวัยวะเพศ ในผู้หญิง. ในขณะที่ผู้ชายอาจมี มะเร็งองคชาต มะเร็งช่องปากและหลอดคอ มะเร็งทวารหนัก หูดที่อวัยวะเพศ นี่คือโรคที่เกิดจากไวรัส HPV

มีผู้ติดเชื้อไวรัส HPV มากกว่า 100,000 คนต่อปี. ผู้หญิงมักเป็นเป้าหมายของไวรัสนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูก. ผู้ชายที่มีพฤติกรรมทางเพศบางอย่าง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือปาก, มีโอกาสติดเชื้อไวรัส HPV สูง

การป้องกันโดยการฉีดวัคซีน HPV เป็นสิ่งสำคัญ. มันช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัส HPV ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งในอนาคต

• มะเร็งปากมดลูก
• มะเร็งช่องคลอด
• มะเร็งปากช่องคลอด
• มะเร็งช่องปาก
• มะเร็งทวารหนัก
• หูดที่อวัยวะเพศ
• มะเร็งองคชาต
• มะเร็งช่องปากและหลอดคอ

อาการบ่งชี้การติดเชื้อไวรัส HPV

การเจอไวรัส HPVมักจะทำให้เกิดอาการหลายอย่าง เช่น หูดที่ช่องคลอดหรือบริเวณอื่นๆ อาจคันหรือร้อน. อาจมีเลือดออกหรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น. การเปลี่ยนแปลงรอบเดือนก็เป็นอาการหนึ่ง.

เหล่านี้เป็นอาการติดเชื้อ HPVและสัญญาณบ่งชี้เชื้อ HPVที่ต้องดูแลและรักษาให้เร็วๆ นี้.

บางครั้งการติดเชื้อ HPVอาจไม่มีอาการ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อได้. ตรวจหาเชื้อ HPVและตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งสำคัญ. เพื่อตรวจพบและรักษาอาการติดเชื้อ HPVและป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ทันท่วงที.

การติดเชื้อHPVบางครั้งอาจไม่มีอาการ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อได้. ตรวจหาเชื้อ HPVและตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งสำคัญ. เพื่อตรวจพบและรักษาอาการติดเชื้อ HPVและป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ทันท่วงที.

วัคซีน HPV มีกี่ชนิด

ปัจจุบัน มีวัคซีน HPV หลายชนิดที่ช่วยป้องกันโรคหลายอย่าง เช่น มะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากไวรัส HPV. Cervarix และ Gardasil เป็นสองชนิดที่ได้รับการยอมรับและอนุมัติใช้งานอย่างแพร่หลาย.

Cervarix

Cervarix ผลิตโดย GlaxoSmithKline. มันป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากสายพันธุ์ HPV 16 และ HPV 18. สายพันธุ์เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70%.

Gardasil

Gardasil ผลิตโดย Merck & Co. นอกจากป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกจากสายพันธุ์ HPV 16 และ HPV 18 แล้ว. ยังสามารถป้องกันโรคหูดที่อวัยวะเพศได้ถึง 95% ซึ่งเป็นสาเหตุจากสายพันธุ์ HPV 6 และ HPV 11.

ทั้ง Cervarix และ Gardasil มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากไวรัส HPV. ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบัน.

ใครควรฉีดวัคซีน HPV

การฉีดวัคซีน HPV ไม่จำกัดเพียงเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่เด็กผู้ชายก็ควรได้รับวัคซีนนี้เช่นกัน เพื่อป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก นอกจากนี้ผู้ชายยังสามารถเป็นพาหะของเชื้อไวรัสและแพร่ไปสู่ผู้อื่นผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ได้

เด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย

หลายคนต้องการรับวัคซีน HPV แต่ยังไม่เอาใจใส่ขนาดนั้น ประยุทธ์เป็นหนึ่งในผู้ที่มีโอกาสเกิดโรคจาก HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ผู้ที่ต้องการรับวัคซีน HPV ไม่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ชายด้วย เนื่องจากผู้ชายสามารถเป็นพาหะและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้

• เด็กผู้หญิง: เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก
• เด็กผู้ชาย: เพื่อป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก

นอกจากนั้น การฉีดวัคซีน HPV สามารถป้องกันมะเร็งชนิดอื่นๆ ที่เกิดจาก HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ด้วย

การฉีดวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ สามารถป้องกันโรคหลายชนิดได้ วัคซีนนี้มีผลต่อการป้องกันโรคอย่างมาก หลังการฉีดวัคซีน ผู้รับวัคซีนจะปลอดภัยมากขึ้น

ช่วงอายุที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีน HPV

การฉีดวัคซีนHPVให้ผลดีที่สุดเมื่อทำก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์. ช่วงอายุ9-15 ปีเป็นช่วงที่ร่างกายเด็กผู้หญิงสร้างภูมิคุ้มกันไวรัส HPVได้ดีที่สุด. สามารถฉีดวัคซีนเพียง2 ครั้งเท่านั้น แต่ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการฉีด3 ครั้ง.

ดังนั้นวัคซีน HPVเหมาะสมที่จะฉีดให้กับเด็กผู้หญิงในช่วงอายุ11-12 ปี. ช่วยให้ได้รับการป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์. ควรฉีดตามคำแนะนำของแพทย์2 หรือ 3 เข็ม ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ.

ไม่เพียงแต่เด็กผู้หญิงเท่านั้น. เด็กผู้ชายในช่วงอายุ9-26 ปีก็สามารถได้รับการฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก, genital warts และ anal cancer ได้เช่นกัน.

การฉีดวัคซีนHPVในช่วงอายุที่เหมาะสมช่วยให้บุคคลได้รับการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ. เป็นการลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย.

จำนวนครั้งที่ต้องฉีดวัคซีน HPV

การฉีดวัคซีน HPV ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก. ผู้ที่ได้รับวัคซีนต้องฉีด 3 เข็ม ตามระยะเวลาที่กำหนด. ระยะเวลานี้ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่.

1. เข็มที่ 1: ในวันที่กำหนด
2. เข็มที่ 2: หลังจากเข็มแรก 1-2 เดือน
3. เข็มที่ 3: หลังจากเข็มแรก 6 เดือน

สำหรับเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน. การนี้จะให้ผลป้องกันเทียบเท่ากับการฉีด 3 เข็ม. การฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุ 9-45 ปี ช่วยให้ผลดีที่สุดมาก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์.

การฉีดวัคซีน HPV ครบทั้ง 3 เข็ม ช่วยป้องกันเชื้อไวรัส HPV ได้ถึง 70%. นอกจากนี้ยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้อีกด้วย.

วัคซีน HPV ป้องกันได้นานเท่าไร

การศึกษาแสดงว่า วัคซีน HPV ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 10 ปี และอาจป้องกันได้ตลอดชีวิต ระยะเวลาที่วัคซีน HPV ป้องกันได้ นานนี้ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกได้มาก. แต่การตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอยังเป็นสิ่งสำคัญ. เพื่อตรวจสอบว่าเซลล์มะเร็งไม่ได้เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะได้รับวัคซีน HPV แล้ว

สรุป ระยะเวลาที่วัคซีน HPV ป้องกันได้ นานถึง 10 ปี และอาจป้องกันตลอดชีวิต. นี่ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกได้. แต่การตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอยังเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อตรวจสอบเซลล์มะเร็งไม่ได้เปลี่ยนแปลง

ข้อควรระวังหลังฉีดวัคซีน HPV

การฉีดวัคซีน HPV ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากไวรัส HPV. แม้ว่าจะปลอดภัย แต่อาจมี อาการข้างเคียงเล็กน้อย หลังจากฉีด.

อาการข้างเคียง

• ปวด บวม คัน ที่บริเวณที่ฉีด
• ไข้
• ปวดศีรษะ
• คลื่นไส้ อาเจียน
• อ่อนเพลีย
• ผื่นคัน

อาการเหล่านี้จะหายไปเองในไม่กี่วัน. ไม่มีความรุนแรงมากนัก. ข้อควรระวังหลังฉีดวัคซีน HPV คือ ควรสังเกตอาการและหากพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที.

ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนชนิดอื่นมาก่อน อาจมีอาการรุนแรง. ก่อนฉีดวัคซีน HPV ควรบอกแพทย์ประวัติการแพ้.

วัคซีน HPV ราคาเท่าไร

ราคาวัคซีน HPV ขึ้นอยู่กับชนิดและสถานพยาบาล. โดยเฉลี่ยแล้วคือ 3,000 – 6,000 บาทต่อเข็ม. วัคซีนนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการของรัฐบาล.

มี 3 ชนิดของวัคซีน HPV ได้แก่ CERVARIX, GARDASIL, และ Human Papillomavirus 9 – Valent Vaccine:

• CERVARIX ราคาประมาณ 6,800 บาทต่อเข็ม สามารถป้องกัน 70% มะเร็งปากมดลูก
• GARDASIL ราคาประมาณ 7,800 บาทต่อเข็ม ป้องกัน 90% มะเร็งปากมดลูก
• Human Papillomavirus 9 – Valent Vaccine ราคาประมาณ 19,000 บาทต่อเข็ม ป้องกัน 99% มะเร็งปากมดลูก

แม้ว่าราคาจะสูง แต่คุ้มค่ากับการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก. การฉีดวัคซีนเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับสุขภาพในระยะยาว.

ผู้ที่ไม่ควรฉีดวัคซีน HPV

วัคซีน HPV ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนควรฉีด. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่น ผู้ที่มี HIV หรือโรคลูปัส ไม่ควรฉีด. เพราะพวกเขาเสี่ยงต่อมะเร็งจาก HPV มากขึ้น.

ผู้ที่เคยติดเชื้อ HPV แต่กำจัดออกไปได้ภายใน 8 เดือนหรือ 1 ปี ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน. เพราะความเสี่ยงของมะเร็งลดลงแล้ว.

สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีเพศสัมพันธ์อีก การฉีดวัคซีนอาจไม่จำเป็น. เพราะจะป้องกันการติดเชื้อ HPV น้อย. แพทย์จึงพิจารณาให้ฉีดวัคซีนตามความเหมาะสม.