การลงทะเบียนเงินดิจิตอลเป็นสิ่งสำคัญมากในยุคนี้. รัฐบาลได้จัดตั้งเงินดิจิตอล 10,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ. บทความนี้จะบอกวิธีลงทะเบียนอย่างง่ายดาย.
เราจะพูดถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารที่จำเป็น. นี่จะช่วยให้คุณสามารถใช้เงินออนไลน์ได้ง่ายขึ้น.
ทำความรู้จักกับเงินดิจิตอล
เงินดิจิตอลช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้เงินสด. มันได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว. รัฐบาลสนับสนุนมันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยให้คนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น.
ระบบเงินดิจิตอลในไทยมีความสำคัญมาก. โครงการเงินดิจิตอลมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 22 ล้านคนใน 48 ชั่วโมงแรก. มันช่วยให้คนใช้เงินดิจิตอลในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น.
เงื่อนไขในการใช้เงินดิจิตอลมีหลายอย่าง เช่น รายได้ต้องไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี. หรือไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน. และไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือนในการฝากเงิน.
ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนได้ระหว่างวันที่ 16 กันยายนถึง 15 ตุลาคม 2567. สามารถไปที่ศูนย์บริการหรือธนาคารของรัฐเพื่อลงทะเบียน.
เงินดิจิตอลสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการในพื้นที่ใกล้เคียงได้. สามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และยาได้. แต่ห้ามซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย.
การใช้เงินดิจิตอลในยุคปัจจุบัน
เทคโนโลยีและเศรษฐกิจพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้เงินดิจิตอลจึงเป็นสิ่งที่คนเริ่มใช้มากขึ้นในยุคนี้ โดยเฉพาะในธุรกรรมออนไลน์ เช่น การซื้อสินค้าและบริการผ่านแอปพลิเคชัน ตั้งแต่การจ่ายเงินผ่านมือถือไปจนถึงการใช้เงินออนไลน์ในตลาด
รัฐบาลจะเริ่มโครงการเงินดิจิตอลในเดือนกันยายน 2567 โดยแจกจ่าย 10,000 บาทแก่ประชาชน ผู้มีสิทธิ์ประมาณ 13-14 ล้านคน ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 840,000 บาท และส่งหลักฐานตัวตนเพื่อการลงทะเบียน
การลงทะเบียนจะปิดในวันที่ 15 กันยายน 2567 ผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ถึง 15 ตุลาคม 2567 รัฐบาลมีศูนย์ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลการใช้เงินดิจิตอล | รายละเอียด |
---|---|
จำนวนเงินที่แจก | 10,000 บาท |
จำนวนผู้ที่ลงทะเบียน | คาดว่าจะมี 13-14 ล้านคน |
เปิดลงทะเบียน | ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567 |
วัยที่มีสิทธิ์ลงทะเบียน | อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป |
เวลาการยืนยันตัวตน | 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 |
ช่องทางการติดต่อ | Call Center เบอร์ 1111 |
ระบบเงินดิจิตอลคืออะไร
ระบบเงินดิจิตอลเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่อาศัยการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อสร้างความปลอดภัย. มันทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินรวดเร็วและสะดวกขึ้น.
เงินดิจิตอลเป็นรูปแบบใหม่ของเงินที่ทำให้การแลกเปลี่ยนและการจับจ่ายง่ายขึ้น. มีการตรวจสอบการใช้จ่ายตามมาตรฐานเพื่อป้องกันการทุจริต.
ระบบเงินดิจิตอลใช้เทคโนโลยี blockchain เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนหลังได้. ความปลอดภัยและความเร็วเป็นจุดแข็งของระบบนี้, ช่วยให้การใช้งานเติบโตในอนาคต.
เงิน ดิจิตอล ลง ทะเบียน
การลงทะเบียนเงินดิจิตอลในประเทศไทยทำได้ง่ายและสะดวกผ่านแอปพลิเคชันที่รัฐบาลกำหนด สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะต้องปฏิบัติตาม วิธีลงทะเบียน ที่กำหนด และเตรียมให้พร้อม เอกสารที่ต้องเตรียม ก่อนการลงทะเบียน
วิธีการลงทะเบียนง่าย ๆ
ในการเริ่มต้นลงทะเบียนเงินดิจิตอล ผู้ใช้สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องจากร้านค้าแอป
- กรอกข้อมูลส่วนตัวในแบบฟอร์มที่กำหนด
- สแกนบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน
- ยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า
เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนลงทะเบียน
เอกสารที่ผู้ใช้จะต้องเตรียมสำหรับการลงทะเบียน มีดังนี้:
เอกสาร | รายละเอียด |
---|---|
บัตรประชาชน | จำเป็นต้องมีเพื่อยืนยันตัวตน |
ข้อมูลส่วนตัว | ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, และอีเมลสำหรับการติดต่อ |
แอปพลิเคชั่นทางรัฐคืออะไร
แอปพลิเคชั่นทางรัฐช่วยให้ประชาชนใช้บริการภาครัฐได้ง่ายขึ้น. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) พัฒนาแอปพลิเคชั่นนี้. มันรวมบริการไว้ในที่เดียว, รวมถึงการลงทะเบียนเพื่อรับเงินดิจิตอล.
วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน. โครงการนี้มีงบประมาณ 95 ล้านบาท. โครงการนี้ช่วยให้ประชาชนลงทะเบียนและรับเงินดิจิตอล 10,000 บาทในไตรมาสที่ 4 ปี 2567.
การลงทะเบียนเริ่มวันที่ 1 สิงหาคม 2567. ใช้แอปพลิเคชั่นทางรัฐเป็นช่องทางหลัก. มีขั้นตอนการลงทะเบียนประมาณ 1-5 ขั้นตอน.
มีช่องทางหลายอย่างในการยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน, ตู้บุญเติม, เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ไทย เป็นต้น. โครงการนี้ดำเนินไป 160 วัน (ไม่รวมการจัดซื้อจัดจ้าง). ช่วยให้ประชาชนใช้แอปพลิเคชั่นทางรัฐได้อย่างรวดเร็วและสะดวก.
วิธีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น
การดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นทางรัฐเพื่อรับเงินดิจิตอลง่ายมาก. ผู้ใช้สามารถ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ผ่าน App Store สำหรับ iPhone หรือ Google Play สำหรับ Android. เพียงค้นหาคำว่า “แอปทางรัฐ” และติดตามขั้นตอนในการดาวน์โหลดและติดตั้ง.
ต้องติดตั้งจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงการหลอกลวง. ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนภายในกำหนด. ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เพื่อรับ “เงินดิจิทัล” มูลค่า 10,000 บาท.
สำหรับผู้ที่ไม่ใช้สมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนที่ศูนย์ชุมชนดิจิทัลหรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร. ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ถึง 15 ตุลาคม 2567.
วันที่ | กิจกรรม | กลุ่มผู้ใช้งาน |
---|---|---|
1 สิงหาคม 2567 | เริ่มลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท | ผู้ใช้สมาร์ทโฟน |
15 กันยายน 2567 | สิ้นสุดการลงทะเบียนสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน | ผู้ใช้สมาร์ทโฟน |
16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 | ลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน | ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน |
การเตรียมตัวที่ดีช่วยให้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น และลงทะเบียนได้รวดเร็วและสะดวก.
ขั้นตอนการสมัครสมาชิกในแอป
การสมัครสมาชิกในแอป “ทางรัฐ” ต้องผ่านขั้นตอนยืนยันตัวตน. นี่ช่วยให้ได้สิทธิประโยชน์จากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท. กระบวนการนี้สำคัญมาก เพราะช่วยให้เข้าถึงเงินดิจิตอลและรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล.
การยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน
ในการสมัคร, ต้องใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตน. ขั้นตอนนี้ช่วยตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง. การสมัครสมาชิก จึงปลอดภัยและถูกต้อง.
ขั้นตอนการสแกนใบหน้า
ต้องสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน. ข้อมูลจากการสแกนจัดเก็บและประมวลผลอย่างปลอดภัย. เพื่อลดความเสี่ยงในการฉ้อโกง. หลังจากนั้น, ผู้ใช้สามารถใช้บริการต่างๆในแอปได้เต็มที่.
การยืนยันตัวตนที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-11
หากคุณไม่สะดวกใช้แอปพลิเคชัน, คุณสามารถ ยืนยันตัวตน ได้ที่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-11 เพียงนำบัตรประชาชนไปที่ร้านค้า. จากนั้นกรอกข้อมูลต่าง ๆ และจะได้รับ QR Code. สแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อเสร็จสิ้นกระบวนการลงทะเบียน.
ขั้นตอนการ ยืนยันตัวตน ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-11 มีดังนี้:
- นำบัตรประชาชนไปที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-11
- กรอกข้อมูลส่วนตัวและหมายเลขโทรศัพท์
- สร้าง QR Code และนำไปสแกนผ่านแอปพลิเคชัน
- ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าผ่านแอป
กลุ่มผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิตอล
ผู้ที่จะได้รับเงินดิจิตอลจำนวน 10,000 บาทต้องมีคุณสมบัติที่ชัดเจน. ต้องเป็นคนไทยและมีอายุ 16 ปีขึ้นไป. ไม่ควรจะมีรายได้เกิน 840,000 บาทต่อปี.
ยอดเงินฝากในบัญชีธนาคารไม่ควรเกิน 500,000 บาท. และไม่ควรจะมีปัญหากฎหมายที่อาจส่งผลต่อสิทธิ.
ในปี 2565 มีประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐจำนวน 13,534,692 คน. การจัดสรรเงินดิจิตอลคาดว่าจะช่วยผู้ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ประมาณ 14.5 ล้านคน.
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทั่วไปประมาณ 13.5 ล้านคน และกลุ่มผู้พิการนอกเหนือจากกลุ่มทั่วไปอีก 1 ล้านคน.
การเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลมีงบประมาณ 1.22 ล้านล้านบาทในปี 2567. จะใช้ข้อมูลจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อความถูกต้อง.
ภูมิภาค | จำนวนผู้ถือบัตร |
---|---|
ภาคเหนือ | 1,763,437 |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | 5,500,002 |
ภาคกลาง | 2,959,716 |
ภาคตะวันออก | 611,801 |
ภาคตะวันตก | 622,414 |
ภาคใต้ | 2,077,322 |
เงื่อนไขการลงทะเบียนเงินดิจิตอล
การลงทะเบียนเพื่อรับเงินดิจิตอลมี เงื่อนไขการลงทะเบียน ที่ชัดเจน. เพื่อให้ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุน. เงื่อนไขหลักๆ ได้แก่:
- ผู้มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี
- ยอดเงินฝากสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- ต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปี
ผู้ที่ลงทะเบียนต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูล. เพื่อความแน่ใจว่าตรงกับเงื่อนไข. การลงทะเบียนเริ่มต้นวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ถึง 15 กันยายน 2567 สำหรับประชาชนทั่วไป.
ผู้ที่มีรายได้ต่ำ เช่น ผู้สูงอายุและผู้พิการ. จะได้รับการสนับสนุนโดยไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำ. เนื่องจากข้อมูลของผู้ถือบัตรประชารัฐมีอยู่แล้ว. คาดว่ามีผู้มีสิทธิ์ประมาณ 13-14 ล้านคน.
การลงทะเบียนนี้ช่วยให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึง เงินดิจิตอล ได้. เพื่อใช้จ่ายในร้านค้าขนาดเล็ก. เงินสามารถใช้ได้ภายใน 6 เดือน. แต่ไม่สามารถใช้สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสินค้าพนัน.
เงื่อนไข | รายละเอียด |
---|---|
รายได้สูงสุด | 840,000 บาทต่อปี |
ยอดเงินฝากสูงสุด | 500,000 บาท |
อายุ | 16 ปีขึ้นไป |
ระยะเวลาการใช้จ่าย | 6 เดือน |
สินค้าส่งเสริมการขาย | ร้านค้าขนาดเล็ก |
สินค้าที่ไม่สามารถใช้เงินได้ | สินค้าอบายมุข, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, พนัน |
งบประมาณและการใช้จ่ายเงินดิจิตอล
รัฐบาลได้จัดสรร งบประมาณ ประมาณ 1.65 แสนล้านบาทสำหรับโครงการการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน การใช้จ่ายเงินดิจิตอล ผู้ที่ต้องการลงทะเบียนต้องทำผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน
ประมาณ 55-56 ล้านคนจะได้รับเงินดิจิตอลจากโครงการนี้. แต่บุคคลที่มีรายได้เกิน 840,000 บาทต่อปี หรือมีเงินฝากในธนาคารเกิน 500,000 บาท จะไม่ได้รับเงินดิจิตอล
ผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถใช้เงินดิจิตอลซื้อสินค้าหรือบริการที่กำหนด. นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า, การใช้ การใช้จ่ายเงินดิจิตอล จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโต 1.2-1.6% เนื่องจากความนิยมใช้ Digital Wallet ในครึ่งปีหลัง
การตรวจสอบผลการลงทะเบียน
หลังจากลงทะเบียนและยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบผลการลงทะเบียน. ผู้ใช้สามารถตรวจสอบผ่านทางแอปพลิเคชันของรัฐตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2567. เพื่อดูว่าตนเองได้รับเงินดิจิตอลหรือไม่.
ในการตรวจสอบ ผู้ใช้ต้องเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชันผ่านอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้. ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลให้ตรงกับทะเบียนผู้อยู่ประจำถิ่น. หากข้อมูลไม่ตรงกัน ต้องแก้ไขข้อมูลก่อน.
- ผู้ใช้ที่มีบัญชีผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่แอปพลิเคชันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- สำหรับผู้ที่ลืมรหัสผ่าน สามารถดำเนินการตามขั้นตอนการตั้งรหัสผ่านใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน
- การยืนยันตัวตนที่สำคัญ เช่น การส่ง OTP เพื่อยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบผลการลงทะเบียน
การตรวจสอบผลการลงทะเบียนช่วยให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสถานะการลงทะเบียนและการอนุมัติ. ผู้ใช้สามารถมั่นใจว่าขั้นตอนถูกดำเนินการอย่างถูกต้องเมื่อตรวจสอบผลการลงทะเบียน.
วิธีใช้เงินดิจิตอลหลังลงทะเบียน
หลังจากลงทะเบียนและได้เงินดิจิตอล 10,000 บาท ผู้ใช้สามารถใช้เงินนี้ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันของรัฐ. เงินจะถูกเติมเข้ากระเป๋าเงินดิจิตอล. จากนั้นสามารถซื้อสินค้าและบริการได้ตามเงื่อนไขของโครงการ.
ผู้ใช้ควรทราบว่าสินค้าที่ซื้อได้ เช่น:
- ข้าว ไข่ น้ำดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพ
- เครื่องใช้การศึกษา เช่น ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน
- เครื่องมือทางการเกษตร
แต่ไม่สามารถซื้อสินค้าที่ไม่ผ่านเงื่อนไข เช่น:
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- บุหรี่
- ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น ทองคำ อัญมณี
การลงทะเบียนและยืนยันตัวตนสำหรับเงินดิจิตอลทำได้หลายช่องทาง เช่น แอปพลิเคชันของรัฐ, จุดบริการตนเอง และเคาน์เตอร์ที่ 7-Eleven. ช่วยให้การใช้เงินดิจิตอลสะดวกขึ้น.
ข้อควรระวังในการใช้เงินดิจิตอล
การใช้เงินดิจิตอลต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตมีความเสี่ยง. หากข้อมูลส่วนบุคคลถูกขโมยหรือมีการทุจริต, ข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้คุณปลอดภัย.
- ตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำธุรกรรมอย่างละเอียด ควรเลือกใช้แอปที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลและมีความปลอดภัย
- ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รหัสผ่านและข้อมูลคิดคำนวณของบัญชีให้กับผู้อื่น
- ศึกษาเงื่อนไขการใช้เงินดิจิตอลโดยละเอียด รวมทั้งข้อกำหนดและข้อจำกัดที่เกี่ยวข้อง
- หมั่นตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นในบัญชีของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
- ระมัดระวังการติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจนำไปสู่การฉ้อโกง
เงินดิจิตอลมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในยุคนี้. การทำความเข้าใจและปฏิบัติตาม ข้อควรระวัง ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต.
ประเภทของข้อควรระวัง | คำอธิบาย |
---|---|
ความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน | เลือกใช้แอปที่มีมาตรการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล |
ข้อมูลส่วนบุคคล | ไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการทุจริต |
ตรวจสอบตลาดเหรียญ | ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญดิจิตอลที่เข้าใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง |
สรุป
ผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถลงทะเบียนรับเงินดิจิตอล 10,000 บาทผ่านแอปพลิเคชัน Digital Wallet ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมถึง 15 กันยายน 2567. คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 45-50 ล้านคน. การยืนยันตัวตนและความเข้าใจในเงื่อนไขจึงสำคัญมาก.
ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนหรือไม่สะดวกลงทะเบียนผ่านแอป สามารถลงทะเบียนที่จุดบริการ 5,199 แห่งตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนถึง 15 ตุลาคม 2567. จะตรวจสอบตามทะเบียนบ้านเพื่อความแน่ใจว่าผู้ที่ต้องการเข้าร่วมมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข.
เงินดิจิตอลที่ได้รับสามารถใช้ซื้อของในร้านค้าที่ร่วมโครงการได้. แต่จะไม่รวมถึงสินค้าและบริการบางประเภท เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ยาสูบ. การเตรียมตัวและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เงินดิจิตอลจึงเป็นสิ่งจำเป็น.
FAQ
เงินดิจิตอลคืออะไร?
เงินดิจิตอลคือเงินที่ไม่ใช่เหรียญหรือก๊าซ. มันจัดการผ่านระบบข้อมูลของธนาคารหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ.
ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนเงินดิจิตอลมีคุณสมบัติอย่างไร?
คุณต้องเป็นคนไทย, อายุ 16 ปีขึ้นไป. และมีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี. ไม่ควรฝากเงินเกิน 500,000 บาท.
ขั้นตอนการลงทะเบียนเงินดิจิตอลมีอะไรบ้าง?
ขั้นตอนแรกคือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน. ต่อมาคือกรอกข้อมูลส่วนตัว. สแกนบัตรประชาชนและยืนยันตัวตนผ่านใบหน้า.
ฉันสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ไหนถ้าไม่สะดวกใช้แอป?
หากไม่สะดวกใช้แอป, คุณสามารถยืนยันตัวตนได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-11. ใช้บัตรประชาชนและกรอกข้อมูลตามขั้นตอน.
ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างสำหรับการลงทะเบียน?
คุณต้องเตรียมบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัว. ใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการลงทะเบียน.
เงินดิจิตอลที่ได้รับสามารถนำไปใช้อย่างไร?
เงินดิจิตอลที่ได้รับสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการ. ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามเงื่อนไข.
ตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้เมื่อไหร่?
ตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ในวันที่ 22 กันยายน 2567. ผ่านทางแอปพลิเคชันทางรัฐ.
ควรระมัดระวังอะไรบ้างในการใช้เงินดิจิตอล?
ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน. และความถูกต้องของผู้ให้บริการก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง.